X

มุสลิม 3 จชต.ไปฮัจย์-หลังระงับ 2 ปี

นราธิวาส-2 เที่ยวบินนำมุสลิม 2,508 คนจาก 3 จชต.ไปประกอบพิธีฮัจย์ที่ซาอุฯ หลังระงับนาน 2 ปีจากสถานการณ์โควิด-19

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 10 มิถุนายน 2565 ที่ท่าอากาศยานนราธิวาส ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีส่งและอำนวยพรแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2565 (ฮ.ศ.1443) ซึ่งเป็นเที่ยวบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ไปยังนครมาดีนะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมีนานสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองอธิบดีกรมการปกครองฝ่ายความมั่นคง นางสิริวิมล พงษ์อักษร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส น.อ.โยธิน ธนะมูล ผบ.กรม.ร 3 พล.นย. รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยกำลังในพื้นที่ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำศาสนา ผู้แสวงบุญ และบรรดาเครือญาติของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ จำนวนกว่า 5,000 คนร่วมพิธี เพื่อเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจให้กับผู้เดินทางไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัจย์


สำหรับการประกอบพิธีฮัจย์ประจําปี พ.ศ.2565 หรือปีฮิจเราะห์ศักราช 1443 ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5 ของข้อปฏิบัติของศาสนกิจที่กำหนดให้มุสลิมต้องปฏิบัติ (ข้อปฏิบัติ 5 ข้อ ประกอบด้วย การปฏิญาณตน การละหมาด การบริจาคหรือจ่ายซากาด การถือศีลอด และการประกอบพิธีฮัจย์) เป็นศาสนกิจที่กำหนดให้มุสลิมที่มีความพร้อมต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต จึงเป็นความใฝ่ฝันของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามทุกคนที่ต้องการไปฝึกฝนให้เกิดความอดทน ความเสมอภาค ความสามัคคีและความสมานฉันท์ ซึ่งตามหลักการศาสนา เชื่อว่าการไปประกอบพิธีฮัจย์เป็นการแสวงหาความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งผู้ที่ผ่านการประกอบพิธีฮัจย์มาแล้วจึงต้องดำรงชีวิตอยู่ในหลักศาสนา ปฏิบัติสิ่งที่ดีงามและเป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้อื่น


ทั้งนี้รัฐบาลได้อำนวยความสะดวกในการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลาม ณ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามได้ประกอบศาสนกิจตามความตั้งใจในการแสวงหาความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้าด้วยการปฏิบัติศาสนกิจตามบทบัญญัติของศาสนา และความเป็นหนึ่งเดียวกันของประชาชาติมุสลิมที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติ ภาษาและวัฒนธรรม


ทั้งนี้ในปี พ.ศ.2560 ที่ผ่านมามีผู้เดินทาง จำนวน 8,833 คน ในปี พ.ศ.2561 มีผู้เดินทาง จำนวน 7,551 คน ในปี พ.ศ.2562 มีผู้เดินทาง จำนวน 8,462 คน และปี พ.ศ. 2563 และ พ.ศ.2564 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรค COVID-19 ประกอบกับราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่อยู่ในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียเท่านั้น ที่จะสามารถประกอบพิธีฮัจย์ได้ จึงไม่มีชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ได้ อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี พ.ศ.2565 ได้ โดยเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 ได้แจ้งจัดโควตาผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ชาวไทยให้ประเทศไทย จำนวน 5,885 คน โดยต้องถือปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียกำหนดได้แก่ 1.ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน 2. ต้องแสดงผลการตรวจโควิด-19 แบบ PCR ที่เป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง 3. ต้องสวมหน้ากากอนามัยระหว่างการประกอบพิธีฮัจย์ตลอดเวลา 4. ต้องจัดทำประกันโรคโควิด-19 5. มีอายุต่ำกว่า 65 ปี ทั้งนี้การเดินทางผ่านเข้า – ออก ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย จะใช้ท่าอากาศยาน นานาชาติ King Abbulaziz เมืองเจดดาห์ และท่าอากาศยานนานาชาติ Prince Mohammed เมืองมาดีนะห์ และในประเทศไทยจะเดินทางผ่าน เข้า – ออก จากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ และท่าอากาศยานนราธิวาส


โดยในปี พ.ศ.2565 มีผู้ลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ จำนวน 3,738 คนจังหวัดที่ผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับคือ 1.กรุงเทพฯ จำนวน 926 คน 2.จังหวัดปัตตานี จำนวน 660 คน 3.จังหวัดนราธิวาส จำนวน 492 คน 4.จังหวัดยะลา จำนวน 428 คน และ 5.จังหวัดสงขลา จำนวน 250 คน


ทั้งนี้ผู้ประกอบพิธีฮัจย์จะเดินทางโดยสายการบินซาอุดิอาระเบียน แอร์ไลน์ (SV) ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ที่ได้รับมอบหมายให้ทำการขนส่งผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ชาวไทยร่วมกับบริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) (TG) โดยทำการขนส่งในเที่ยวบินขาไป จำนวน 12 เที่ยวบิน และขากลับ จำนวน 12 เที่ยวบินประกอบด้วย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 4 เที่ยวบิน ใช้อากาศยานแบบโบอิ้ง 777-200 BR และสายการบินซาอุดิอาระเบีย แอร์ไลน์ จำนวน 3 เที่ยวบินใช้อากาศยานแบบโบอิ้ง 77-300 ER


โดยเที่ยวบินขาไป จำนวน 4 เที่ยวบิน รวม 2,508 คน จากท่าอากาศยานนราธิวาส ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ Prince Mohammed เมืองมาดีนะห์ จำนวน 2 เที่ยวบิน ในวันที่ 10 จำนวน 282 คน และ 11 มิถุนายน 2565 จำนวน 286 คน

ส่วนเที่ยวบินขากลับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 4 เที่ยวบิน รวม 2,508 คน โดยจากท่าอากาศยานท่าอากาศยานนานาชาติ King Abbulazz เมืองเจดดาห์ มายังท่าอากาศยานนราธิวาส จำนวน 2 เที่ยวบิน ในวันที่ 18 และ 19 กรกฎาคม 2565


กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองในฐานะสำนักเลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย และจังหวัดมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี พ.ศ.2565 (ฮ.ศ.1443) ได้แก่ ณ ท่าอากาศยานในประเทศไทยก่อน – หลังเดินทาง ทั้ง 3 แห่ง และท่าอากาศยานในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทั้ง 2 แห่ง ตลอดจนการเดินทางไปยังที่พัก และในช่วงของการประกอบพิธีฮัจย์ จนเดินทางกลับประเทศไทย ให้ได้รับความสะดวกปลอดภัย มีหลักประกันในการเดินทาง และสามารถประกอบพิธีฮัจย์ได้อย่างสมบูรณ์ ถูกต้องครบถ้วนตามหลักการที่ศาสนาบัญญัติ สมดั่งเจตนารมณ์ที่ทุกคนได้ตั้งใจไว้ และกลับมาดำรงชีวิตอยู่ในหลักการของศาสนา ปฏิบัติสิ่งที่ดีงาม

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน