สระแก้ว – จนท.ช่วยเหลือเด็กและเยาวชน 18 คน กลับไทย หลังพ่อแม่เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา ว่าลูกถูกหลอกไปทำงานออนไลน์ผิดกฎหมายในกัมพูชา โดยเหยื่อเปิดใจ โดนหลอก เตือนอันตรายมาก ต้องหลอกคนไทย ทำไม่ได้โดนขาย ส่วนแม่ดีใจทั้งน้ำตา กลัวลูกได้รับอันตรายนอนไม่หลับ กินไม่ได้ ทุรนทุรายมาก ทำอะไรไม่ถูก ขอบคุณทุกหน่วยงานและอยากให้เคทน้องเป็นเคทสุดท้าย ไม่อยากให้มีแบบนี้อีก
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางปวีณา หงกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางมาที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยพาแม่ ๆ ของเด็กและเยาวชนมารับเด็กเยาวชน ที่ได้ถูกปล่อยตัวมาแล้ว 18 คน ที่ถูกแก็งคอลเซ็นเตอร์ หรอกบังคับทำงานผิดกฎหมาย หลังจากนางปวีณารับการประสานงานจาก พ.ต.ท.ธนันพัฒน์ ธีรพัฒนิชากุล อาจารย์ สบ.3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และ ร.ต.อ.กฤษณะ เอี่ยมสอาด รองสารวัตร กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว หลังรับเรื่อง นางปวีณาได้ประสานขอความช่วยเหลือเร่งด่วนกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.และ นางปวีณา ได้ประสานกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และได้ประสาน ผู้ช่วย ผบ.ตร.ประเทศกัมพูชา และหน่วยงานต่าง ๆ ได้เข้าช่วยเหลือจนสามารถปล่อยตัวออกมาได้ 18 คน พร้อมขอบคุณ รอง ผบ.ตร ,ผู้ช่วย ผบ.ตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ข่าวน่าสนใจ:
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.65 ผู้ปกครองของเยาวชน จำนวน 6 คน จาก จ.ชลบุรี, จ.สระแก้ว, จ.นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ได้เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยเหลือลูกชายอายุ 15-16 ปี และเพื่อนรวมทั้งหมด 13 คน ถูกหลอกให้ไปทำงานเว็บพนันออนไลน์ที่กัมพูชา อ้างว่า จะมีรายได้เดือนละ 25,000-30,000 บาท และจะได้เปอร์เซ็นต์จากการทำยอด แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ หลอกเหยื่อโอนเงิน ถ้าทำยอดไม่ได้ ก็ถูกให้อดข้าว และทำร้ายร่างกาย
นางปวีณา ได้ประสาน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประกัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือศูนย์ PCT สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร) มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภาค 8 หน.ชุดปฏิบัติการ PCT พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชมาศ ผบก.บก.สส.สตม. ,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.3 บก.สส.สตม. ,พ.ต.ท.ธนันวัฒน์ ธีรพัฒนิชญากุล เดินทางมาประชุมกับนางปวีณา และรับเรื่องราวร้องทุกข์จากแม่ของเหยื่อ เพื่อดำเนินการให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
สืบเนื่องจากวันที่ 17 มิ.ย.65 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้กล่าวถึง กรณีมีเด็กและเยาชนไทย 13 คน ถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน และได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือ สื่อมวลชนได้สอบถามเนื่องจากแม่ของเด็ก ๆ มาร้องทุกข์ที่มูลนิธิปวีณาฯ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังนางปวีณา ได้ประสาน รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. โดยทั้งสองท่านได้เร่งติดตามให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยมูลนิธิปวีณาฯ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเร่งติดตามการให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด กระทั่งล่าสุด ได้รับการช่วยเหลือแล้ววันนี้ (20 มิ.ย.65) และมีการส่งตัวกลับประเทศไทยที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
น.ส.ละออง มาลัย อายุ 53 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ปัจจุบันพักอยุ่ที่ชลบุรี แม่ของ นายอาณัติ ผลกระโทก อายุ 17 ปี ที่ไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กชื่อว่า “กิต ภัทรพล”ขอความช่วยเหลือ กล่าวว่า ลูกเราคือ น้องนาย คนที่มีหนวดเป็นคนที่ไลฟ์สดขอความช่วยเหลือ ตนก็กลัวลูกเราโดนทำร้าย จนนอนไม่หลับกินไม่ได้เลย ทุรนทุรายมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย มีเพื่อนอีกคนหนึ่งประสานงานอยู่ แต่มีพี่สาวเค้าบอกว่า ประสานหน่วยงานประสานทาง ตม.กัมพูชา ตอนนั้นแม่ก็พูดอะไรไม่ได้ แค่ข่มตานอนแม่ยังนอนไม่ได้ นอนไม่หลับ ทำยังไงก็ไม่หลับตา แม่ตาแข็งอย่างเดียว นั่งจ้องแต่โทรศัพท์ มีใครออนไลน์ มีใครโพสต์อะไรมั้ย
“ตอนโทรศัพท์ลูกถูกยึด วินาทีตอนนั้นไม่รู้ว่า ลูกแม่อยู่ไหน แต่พออีกวันมาก็ได้ข่าวว่า น้องปลอดภัยอยู่ ก็ยังดีใจ อีกข่าวว่าน้องถูกขายต่อไป แต่ ณ เวลานี้แม่รู้สึกว่า แม่ตื้นตันมาก ดีใจมากที่น้องกลับมา แล้วได้เพื่อนที่ไปอยู่ก่อนน้องแล้วได้กลับมา รู้สึกดีใจ อยากขอบคุณทุกหน่วยงานและมูลนิธิคุณปวีณาและทุกคนที่เข้าไปช่วยในขบวนการนี้ และฝากอยากให้เคทน้องเป็นเคทสุดท้าย ไม่อยากให้มีแบบนี้อีก อยากให้เตือนคนไทยทุก ๆ คนด้วย อย่าไปหลงเชื่อเขาว่า ไปทำงานฝั่งเพื่อนบ้านจะมีเงินเดือนแพงขนาดนี้ จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ มันโดนหลอกไป” แม่ของนายอาณัติ ผลกระโทก อายุ 17 ปี ที่ไลฟ์สดขอความช่วยเหลือ กล่าว
ขณะที่ เหยื่อเด็กและเยาวชนไทยที่ถูกหลอกลวง เปิดเผยระหว่างเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา กลับประเทศไทยว่า “อยากเตือนทุกคนว่า ถ้าใครจะมาต้องดูดี ๆ อย่ามาเลยครับ อันตรายมาก วันนั้นที่ตัดสินใจไป เพราะผมโดนหลอกไปครับ ทางบ้านผมไม่มี แล้วผมอยากหาเงินให้แม่ ความรู้สึกตอนที่ถูกกักขัง รู้สึกคิดถึงบ้าน อยากกลับประเทศไทยมาก เพราะไม่เคยโดนอะไรอย่างนี้มาก่อน เราต้องอยู่ให้ได้ และสิ่งที่เจอ น่ากลัวครับผม ต้องอยู่ให้ได้ คนไทยขายกันเองครับ ต้องทำให้ได้ ไม่งั้นก็โดน พอรู้ว่างานที่ทำต้องหลอกคนไทย อยากกลับบ้าน แล้วผมทำไม่ได้ เค้าบอกว่า ต้องทำให้ได้ ไม่งั้นมึงก็โดนขาย
“เราไม่อยากหลอกคนไทยด้วยกัน ใจไม่ดำขนาดนั้น สาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจไลฟ์สด เพราะทำอะไรไม่ถูก มันโดนขาย ทำเหมือนเป็นปลา ผมทนไม่ไหวจริง ผมตัดสินใจไลฟ์สดเลย จะตายก็ตาย ตอนนั้น พร้อมแลกมาก อีกอย่างหาทางออกไม่ได้จริง ๆ ต้องพึ่งโซเชียลฯ สิ่งที่หวังคือ อยากให้พี่ ๆ เค้ามาช่วย อยากให้คนไทยเค้าเห็นว่า ผมลำบากจริง ๆ ทำอะไรไม่ถูกแล้ว เคยเห็นพี่คนหนึ่งเค้าเคยไลฟ์แล้วเค้ารอด ตอนนั้นผมติดอยู่ข้างในด้วย อยากขอบคุณมากจากใจจริง ๆ ที่ผมรอด และคนไทยอีก 18 คนรอด ผมดีใจมากเลยครับ อยากบอกแม่ว่า อยากเลิกดื้อเลยครับ” เหยื่อที่ไลฟ์สด กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม่ของเยาวชนที่ไลฟ์สด กล่าวทั้งน้ำตาทิ้งท้ายว่า “ดีใจมากค่ะ อยากได้ลูกกลับมา เห็นลูกไลฟ์สดวันนั้นแล้วตกใจมากค่ะ แม่นอนไม่หลับเลย กลัวลูกโดนทำร้าย จากคำที่ลูกบอกว่า หลังจากผมไลฟ์สดไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้กลับประเทศไทยรึเปล่า นาทีนั้นคือ แม่เหมือนจะช็อค ตาค้างแบบไม่รู้ตัวเลย ลูกไม่ได้ปรึกษา แม่เห็นในโซเชียลฯ แม่ของอีกคนส่งมาให้บอกว่า น้องนายไลฟ์สด จึงเข้าไปดู ซึ่งตลอดที่ลูกข้ามไปฝั่งเขมร ไม่มีปัญญาช่วยเหลืออะไร เราได้แค่ทักบอกให้ลูกพยายามทำให้ได้นะลูก ในเมื่อไปแล้วเดี๋ยวก็มีคนช่วย แต่เราคุยกับเค้าไม่ได้ ถ้าฝั่งโน้นเค้ารู้ว่าทักแชทมาหาพ่อแม่ กลัวเค้าโดนทำร้าย ซึ่งน้องบอกว่า มีกรงเหล็กไว้ขัง ที่มีไฟฟ้าตลอด เวลาไปจับจะมีไฟช็อตด้วย
——————————
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: