กระบี่-น่าเห็นใจอาสากู้ภัย ควักเงิน 200 วิ่งซื้อน้ำมันช่วยเจ้าของรถน้ำมันหมด กลับถูกเบี้ยว ทวงถามผ่านมา 5 วันยังไร้วี่แวว วอนเห็นใจ
วันที่ 21 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ศูนย์กู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา อ.เมืองกระบี่ หลังรับแจ้งจาก จนท.กู้ภัยว่า มีอาสาสมัครกู้ภัยคนหนึ่ง ออกไปช่วยเหลือชาวบ้านรถน้ำมันหมด ควักเงินส่วนตัวซื้อน้ำมันมาใส่ให้ แล้วเจ้าของรถกลับเบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้ โดยอาสาสมัครกู้ภัยที่ตกเป็นเหยื่อรายนี้คือ นายณัฐพล พึ่งหล้า อายุ 29 ปี เจ้าตัวให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกำลังเข้าเวรอยู่ที่ศูนย์กู้ภัย ก็มีเจ้าของรถกระบะคนหนึ่ง โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือที่ศูนย์กู้ภัย บอกว่ารถน้ำมันหมดจอดอยู่ริมถนนบริเวณหน้าวัดโภคาจูฑามาตย์ ในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ ขอให้ทางกู้ภัยช่วยซื้อน้ำมันไปให้ก่อน 200 บาท ตนเองจึงออกไปช่วยเหลือโดยไปซื้อน้ำมันให้ ควักเงินตัวเองไป 200 บาท
นายณัฐพล เล่าอีกว่า หลังจากซื้อน้ำมันเสร็จ ก็ขับรถไปยังจุดที่ชาวบ้านรายดังกล่าวแจ้งไว้ ก็พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สี่ประตู สีขาว ทะเบียน กฉ พัทลุง จอดอยู่โดยมีเจ้าของรถเป็นชายอายุ 35 ปี ยืนรออยู่ และมีเด็กนักเรียนน่าจะเป็นลูกสาวนั่งอยู่ท้ายรถ ตนเองก็เอาแกลลอนน้ำมันที่ซื้อมาไปให้กับเจ้าของรถเติม แล้วติดเครื่องรถ จากนั้นเจ้าของรถก็บอกว่าขอกลับไปถึงบ้านก่อน แล้วจะโอนเงินค่าน้ำมันกลับมาให้ พร้อมกับขอเลขบัญชีธนาคาร ตนเองก็ให้เลขบัญชี พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ แต่ผ่านไป 1 วัน ก็ยังไม่มีการโอนเงินกลับมาให้ รุ่งเช้าตนเองก็โทรศัพท์ไปสอบถาม ก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าไม่มีเงินสดในบัญชี ไม่สามารถโอนให้ได้ จะเอามาให้ที่ศูนย์กู้ภัยเอง ตนเองก็ไม่ได้สนใจ กระทั่งผ่านมาหลายวันแล้ว ตนเองก็โทรศัพท์ไปสอบถามอีกครั้ง แต่ไม่มีคนรับสายแล้ว จึงเชื่อว่าเจ้าของรถน่าจะตั้งใจไม่คืนเงินให้แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่เป็นเพื่อนกู้ภัยคนอื่นที่เจอ
อาสากู้ภัยรายดังกล่าว ยังเล่าต่อว่า เหตุที่ตนแจ้งเรื่องนี้ให้ผู้สื่อข่าวทราบ ไม่ได้ติดใจเรื่องเงินเพียง 200 บาท แต่อยากฝากเตือนไปถึงเจ้าของรถคนดังกล่าว และชาวบ้านทั่วไป อยากให้เห็นใจพวกตนด้วย เพราะพวกตนมาทำงานเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือคนเวลาเดือดร้อน ต้องทำงานกันทั้งวันทั้งคืน แต่ละคนก็ไม่ได้มีเงินเดือน อาจจะมีเงินตอบแทนบ้างแต่ก็ไม่มาก เงิน 200 บาท สำหรับอาสาสมัครก็มีค่า ยิ่งภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ พวกตนไปช่วยคนเดือดร้อน เพราะเข้าใจและเห็นใจ อยากให้คนเดือดร้อนได้กลับถึงบ้านปลอดภัย แต่กลับต้องมาเจอการกระทำแบบนี้ ก็ทำให้ท้อเหมือนกัน.
