X

กมธ.ที่ดิน ลงแก้ปัญหาสวนปาล์มหมดสัมปทาน ชาวบ้านเสนอจัดสรรให้ผู้ยากไร้-จัดตั้งวิสาหกิจฯ

ตรัง-กมธ.ที่ดินลงแก้ปัญหาสวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทาน ที่ถูกนายทุน กลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่และชาวบ้านไร้ที่ดินทำกินเข้าไปยึดครองเก็บผลประโยชน์จนเกิดความขัดแย้งรุนแรง และเคยมีการลักลอบยิงแกนนำชาวบ้านจนเสียชีวิต  เพื่อนำปัญหาและรับฟังข้อเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาทั้งจากชาวบ้าน และทางป่าไม้เจ้าของพื้นที่ เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป ขณะที่ชาวบ้านเสียงแตกทั้งขอให้มีการจัดสรรให้เป็นที่ดินทำกินสำหรับผู้ยากไร้ ,ทั้งการให้ปลูกป่า และแบ่งเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์  และขอจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน เพื่อเข้าไปเก็บหาของป่า ขณะที่กรรมาธิการฯขอเวลารวบรวมปัญหาเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน และจะพยายามผลักดันเข้าสู่สภาให้แล้วเสร็จในรัฐบาลชุดนี้

คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร นำโดย   นายอภิชาติ ศิริสุนทร ประธานคณะกรรมาธิการ นายสมชาย   ฝั่งชลจิตร กรรมาธิการ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย  กรรมาธิการ ลงพื้นที่รับฟังและแก้ไขปัญหาที่ดินให้แก่ประชาชนในพื้นที่ จ.ตรัง ในอ.วังวิเศษ ,อ.สิเกา ,อ.ห้วยยอด และ อ.รัษฎา โดยมีการเชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลและแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชน ทั้งที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ,เขตป่าอนุรักษ์ ,เขตปฏิรูปที่ดิน และแนวทางการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน

นอกจากนั้นคณะกรรมาธิการการที่ดินฯ และนายไพบูลย์  โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ซึ่งรับผิดชอบงานด้านทรัพยากรฯ ลงพื้นที่ สวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทาน จำนวน 2 แปลง ในพื้นที่ จ.ตรัง  เนื้อที่รวมเกือบ 1,000 ไร่ ที่ภายหลังกรมป่าไม้ไม่ต่อใบอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ  ประกอบด้วย พื้นที่สวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทาน ในพื้นที่หมู่ 3 ต.วังมะปราง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง  เนื้อที่รวมกว่า 638 ไร่ ที่หมดอายุสัญญาสัมปทาน ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2558 ที่เกิดปัญหาความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างชาวบ้านที่ไร้ที่ดินทำกินที่เข้าไปเก็บของป่า กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่เข้าไปยึดครอบครองสวนปาล์มน้ำมันเก็บผลผลิต  จนมีปัญหาการลักลอบยิงชาวบ้าน และสุดท้ายยิงนายสมศักดิ์ อ่อนชื่นจิตร หรือทนายเหว่า แกนนำชาวบ้านเรียกร้องที่ดินทำกินจนเสียชีวิต เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา   และลงพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทานใน ต.บ่อหิน เนื้อที่กว่า 500 ไร่  ที่หมดสัญญาสัมปทานตั้งแต่ปี  2557 แต่นายทุนผู้รับสัมปทานเดิม และกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ทั้งอ้างสิทธิที่เคยได้รับสัมปทาน และลักลอบเข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์  โดยมีเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้  เขต 12 เข้าให้ข้อมูลและเสนอแนวทางการแก้ปัญหาของกรมป่าไม้ให้แก่คณะกรรมาธิการได้รับทราบ

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบว่า ทั้ง 2 แปลงสวนปาล์มหมดสัมปทานดังกล่าว ขณะนี้พบว่าพื้นที่โล่งเตียน  เพราะมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และชาวบ้านเข้าไปครอบครองเก็บผลผลิต ซึ่งขณะนี้ผลผลิตปาล์มน้ำมันราคาสูง โดยเฉพาะในสวนปาล์มน้ำมันต.วังมะปรางนั้น พบว่าหลังแกนนำถูกยิงเสียชีวิต และกลุ่มผู้มีอิทธิพลกลุ่มเดิมที่ตกเป็นผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวออกมา ก็มีการจัดแบ่งพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ให้ชาวบ้านเรียกร้องที่ดินทำกินเข้าไปเก็บของป่า  เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง ไม่ให้มีการร้องเรียน ระหว่างที่ทางภาครัฐยังรอความชัดเจนเรื่องนโยบาย ยังไม่ได้เข้ายึดคืนพื้นที่ และแก้ปัญหาจัดการพื้นที่ให้เด็ดขาด ทั้งนี้ หลังจากชาวบ้านทราบว่ามีคณะกรรมาธิการฯลงพื้นที่ จึงได้เดินทางมาร่วมรับฟังและร่วมเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหา ในที่นี้ ทั้งชาวบ้าน และผู้นำเสียงแตกออกเป็น 4 แนวทาง  เช่น 1. ชาวบ้านบางส่วนต้องการให้มีการนำที่ดินสวนปาล์มสัมปทานทั้งหมดมาจัดสรรให้ชาวบ้านไร้ที่ดินทำกินที่ลงชื่อเอาไว้ประมาณ 162 ราย คนละ 5 ไร่    ในรูปแบบคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)  เพื่อให้ชาวบ้านไร้ที่ดินทำกินได้มีที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน  2.บางส่วนต้องการให้ปลูกป่าและจัดแบ่งพื้นที่เป็นสาธารณะประโยชน์  3.บางส่วนต้องการให้จัดตั้งเป็นรูปแบบวิสาหกิจชุมชน เพื่อเข้าไปเก็บหาของป่า  และ 4.เสนอให้ อบต.ยื่นเรื่องต่อกรมป่าไม้ เพื่อขอเข้าไปจัดหาของป่า เพื่อนำเงินเข้ารัฐ และนำเงินมาพัฒนาอบต.  ส่วนพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทานใน ต.บ่อหิน เตรียมจัดแบ่งพื้นที่ก่อสร่างอ่างเก็บน้ำและพื้นที่สาธารณะประโยชน์  โดยทั้ง 2 แปลงดังกล่าว คณะกรรมาธิการชุดนี้เคยลงพื้นที่ พยายามหาทางแก้ปัญหามาแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่เป็นผล    โดยครั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร โดยมอบหมายให้คณะอนุกรรมการศึกษาปัญหาพื้นที่เช่าของกรมป่าไม้ ไปทำรายงานเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อร่วมพิจารณาหาทางออกแก้ปัญหาต่อไป  เนื่องจากปัญหาการบุกรุกพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทานที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้เกิดขึ้นในหลายจังหวัดและมีความรุนแรง ทั้ง จ.ตรัง ,จ.ชุมพร,จ.กระบี่ และจ.สุราษฏร์ธานี  เนื้อที่รวมประมาณ 2 แสนไร่ ซึ่งมีนายทุน และกลุ่มอิทธิพลเข้าไปเก็บผลประโยชน์ สร้างความเสียหายต่อรัฐจำนวนมหาศาล

เบื้องต้น ทางคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร  ขอให้ทางป่าไม้ดูแลพื้นที่ให้ทุกฝ่ายที่เข้าหาประโยชน์ยุติทุกอย่าง เพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาลดความขัดแย้ง โดยแนวทางแก้ปัญหาจะมี 2 ระยะคือ ระยะก่อนที่รัฐจะมีนโยบายจัดการที่ชัดเจน จะให้สภาพิจารณาตามที่ชาวบ้านและกรมป่าไม้เสนอ  และระยะยาว เร่งดำเนินการรวบรวม สรุปปัญหาและแนวทางเสนอให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน เพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร และจะพยายามผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาภายในรัฐบาลนี้ หรือแม้หากไม่แล้วเสร็จในรัฐบาลชุดนี้ แต่หากคณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จก็สามารถเสนอต่อสภาในรัฐบาลหน้าได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ จะพยายามให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งรุนแรงที่เกิดขึ้นในทุกจังหวัด โดยจะยึดหลักการแก้ปัญหา ควบคู่กับการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน รักษาผลประโยชน์ของชุมชน และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกส่วนจะต้องสมดุลกัน

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน