ตรัง-“ชวน หลีกภัย” ซุ้มประตูมังกร มูลนิธิกุศลสถานตรัง “ทนายหมีนครตรัง” ยื่นป.ป.ช.สอบ สร้างผิดแบบ ไม่มีระยะถอยร่นจากแนวคลอง อึ้ง! ส่อปลอมเอกสารเลขรับ “นายกฯสัญญานครตรัง” ขอใช้หลัก “รัฐศาสตร์” มากกว่า “นิติศาสตร์” ผอ.ป.ป.ช.ตรัง ยัน ต้องบังคับใช้กม.ควบคุมอาคาร ไม่นั้นสร้างกันตามอำเภอใจ
“ชวน หลีกภัย” เปิดอาคารบำเพ็ญบุญ-ซุ้มประตูมังกร มูลนิธิกุศลสถานตรัง หันหลังไม่ยอมถ่ายภาพหมู่หน้าซุ้ม “ทนายหมีนครตรัง” ยื่นป.ป.ช.สอบ ซุ้มประตูสร้างผิดแบบ ไม่มีระยะถอยร่นจากแนวคลอง ทน.ตรังสั่งเคยรื้อถอน-ระงับใช้อาคาร อึ้ง! ส่อปลอมเอกสารเลขรับ เหตุยื่นขอขยายเวลารื้อถอนเลยกำหนด “นายกฯสัญญานครตรัง” ชงสภาฯเห็นชอบรับโอนเป็นทรัพย์สินเทศบาล ขอใช้หลัก “รัฐศาสตร์” มากกว่า “นิติศาสตร์” เชื่อ เป็นประโยชน์บ้านเมือง ลั่น ไม่เคยรับเงิน-มีนอกใน ผอ.ป.ป.ช.ตรัง ยัน ท้องถิ่นต้องบังคับใช้กม.ควบคุมอาคาร ไม่นั้นสร้างกันตามอำเภอใจอ้างเพื่อบ้านเมือง
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง จับแล้วมือค้อนทุบหัวฆ่าโหดพ่อค้าปลาสวยงาม กลางงานลอยกระทงกันตัง ทิ้งศพกลางงาน หลักฐานชัด จุดทิ้งมือถือ-โผล่กดเงินสดผู้ตาย
- ตรัง "โลกเปลี่ยน เราไม่เปลี่ยน" บอกรักทะเลด้วยสองมือ ณ หาดฉางหลาง ทะเลตรัง ก้าวขา-พาสองมือเก็บขยะทะเล รังสรรค์งานศิลป์
- ตรัง ร้านอาหารผวา!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วน อ้างสั่งอาหารหรู "พระกระโดดกำแพง" หลอกร้านดังเกือบเสียเงินแสน
- "ประเสริฐ รักไทย” ประกาศชน “บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ” สู้ศึกชิงเก้าอี้ อบจ.ตรัง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ตรังว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค.65 ที่ผ่านมา มูลนิธิกุศลสถานตรัง(บ้วนเต็กเชี่ยงตึ๊ง) ริมคลองห้วยยาง ภายในเขตเทศบาลนครตรัง ถ.วิเศษกุล ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารบำเพ็ญบุญ และ ซุ้มประตูมังกรสวรรค์ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปี มูลนิธิกุศลสถานตรัง(บ้วนเต็กเชี่ยงตึ๊ง) โดยมี นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง นายอู๋ ตงเหมย กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำ จ.สงขลา น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรังพรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภ.จว.ตรัง นายสัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรังพร้อมคณะผู้บริหารเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ ภาคธุรกิจและประชาชนชาวจ.ตรังเข้าร่วมอย่างคับคั่งนับพันคน โดยมีนายชาญชัย สารสินพิทักษ์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นผู้กล่าวรายงานในพิธี มีนายสุนทร เชาน์กิจค้า รองประธานกรรมการมูลนิธิฯตลอดจนคณะกรรมการมูลนิธิฯ เป็นตัวแทนร่วมพิธี
ทั้งนี้ มูลนิธิกุศลสถานตรัง(บ้วนเต็กเซี่ยงตึ๊ง) ก่อตั้งจากการรวมตัวกันของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่อาศัยอยู่ที่จ.ตรัง เมื่อกว่า 60 ปีก่อน เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาความเดือดร้อน เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้บ้านเรือนและแหล่งชุมชน เพื่อเป็นการช่วยให้ชาวบ้านมีจุดศูนย์รวม เมื่อการรวมตัวกันมีความเข้มแข็ง ต่อมาจึงมีการจัดตั้งเป็นมูลนิกุศลสถานตรังเป็นงานจิตอาสามากว่า 60 ปี ปัจจุบันถือเป็นทีมกู้ชีพกู้ภัยที่มีศักยภาพระดับแถวหน้าของภาคใต้ ทางมูลนิธิฯจึงมีการขยับขยายที่ทำการ ตลอดจนถนนทางออกสู่ถนนวิเศษกุล ที่กว้างขวางกว่าเดิมซึ่งเป็นซอยแคบด้านถนนพัทลุง ไม่สะดวกหากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยมีการใช้เงินบริจาคกว่า 28 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินเอกชนซึ่งเป็นอาคารภัตตาคารเก่า ปรับปรุงเพื่อสร้างทางเข้าใหม่เป็นซุ้มประตูแบบจีนโอ่อ่า ให้ชื่อว่า ประตูมังกรสวรรค์ มีภาพจิตรกรรมจีน ประดับตกแต่งไฟสวยงาม มีประชาชนชาวตรังให้ความสนใจไปถ่ายภาพกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยงบกว่า 3 ล้านบาท และนำสู่การส่งมอบให้เป็นทรัพย์สินของเทศบาลนครตรัง เพื่อเปิดให้มีการใช้งานสาธารณะ เนื่องจากสามารถใช้เป็นทางลัดจากถ.วิเศษกุลสู่ถ.พัทลุงบริเวณหน้าศาลากลางจ.ตรังได้
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า มูลนิธิกุศลสถานซึ่งมีกระจายอยู่ใน 14 จังหวัดภาคใต้ มีผู้บริหารที่มีจิตอาสา ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ตนขอชื่นชม ตนขอพูดถึงสิ่งก่อสร้างทั้ง 2 อย่างนี้ ส่วนแรก คือ อาคารบำเพ็ญบุญ ใช้เป็นที่ทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์แก่ชาวตรัง และประชาชนโดยทั่วไป เห็นได้ชัดว่าช่วงเกิดโควิด-19 อย่างรุนแรง สถานที่นี้ได้ใช้เป็นที่สำหรับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ในยามปกติใช้เป็นที่อบรม เรียนรู้ พัฒนาบุคลากรกู้ชีพ และใช้เป็นพื้นที่แจกถุงยังชีพยามมีภัยทั้งหลาย
.
“ส่วนที่ 2 เป็นซุ้มประตูมังกรสวรรค์ สร้างด้วยความละเอียดงดงาม มีภาพวาด 24 กตัญญูตามตำนานของจีน ความกตัญญู 24 เรื่องที่ว่าเป็นความกตัญญูสูงสุด คาดหมายว่าในอนาคตผู้ที่สนใจเรื่องประเภทนี้จะมาชื่นชมยินดี และ จะเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในอนาคต โดยสิ่งก่อสร้างทั้งสองนี้ สร้างด้วยเงินจากการทำบุญของประชาชนให้แก่มูลนิธิกุศลสถานตรังจนสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชม”นายชวนกล่าว
.
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาลั่นกลองเปิดซุ้มประตูสวรรค์และชมการเชิดสิงโต จุดประทัดมงคลแล้ว ได้เดินไปคุยกับแป๊ะยิ้มถือพัดในคณะเชิดสิงโตก่อนจะนำคณะเข้าสู่บริเวณจัดเลี้ยงในทันที โดยไม่ได้ถ่ายภาพหมู่บริเวณหน้าซุ้มประตูมังกรสวรรค์ตามคำเชิญของผู้ดำเนินรายการที่ประกาศออกเครื่องขยายเสียงแต่อย่างใด ทำให้แขกทั้งหมดต้องรีบเดินตามกลับเข้าภายในงานโดยทันทีเช่นกัน
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนวันเปิดซุ้มได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ประชาชนชาวตรัง ภายหลัง นายกัมปนาท อินทองมาก หรือ ทนายหมีนครตรัง อดีตสมาชิกสภาเทศบาลนครตรัง(สท.) ออกมาโพสเฟสบุ๊คส่วนตัวใช้ชื่อ “นายกัมปนาท อินทองมาก” เมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 ก.ค. ระบุ ระบุ ก็มีคนห้ามตนว่าอย่าโพส เดี๋ยวคนจะไม่รัก เพราะสิ่งที่ผมกำลังจะบรรยายถึง คือ การกระทำที่น่าจะเป็นความผิดอันอาจจะเป็นการร่วมกันทำผิดหลายฝ่าย ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า มูลนิธิกุศลสถานตรังได้ยื่นแบบแปลนขออนุญาตจากเทศบาลนครตรัง เพื่อก่อสร้างทางเข้าออก ซุ้มประตู กำแพง เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2564 แต่ปรากฏว่ามูลนิธิฯ ได้สร้างผิดแบบ และไม่ได้ร่นระยะห่างแนวซุ้มประตูให้ห่างจากคลองห้วยยาง โดยต้องเว้นระยะ 3 เมตร หรือ 6 เมตร ตามกฎหมาย
นายกัมปนาทระบุอีกว่า ต่อมาวันที่ 23 มี.ค. 2564 เทศบาลนครตรัง โดยนายวัลลภ ช่วยบำรุง ปลัดเทศบาล ซึ่งปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครตรังในขณะนั้น ได้ทำหนังสือแจ้งถึงมูลนิธิกุศลสถานตรัง เจ้าของอาคาร ผู้ครอบครอง ผู้ดำเนินการ ผู้ควบคุมงานที่ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว มีจำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ 1.เรื่องคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างดัดแปลงหรือถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคาร ให้ระงับการก่อสร้างอาคารจนกว่าจะได้จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง 2.ห้ามใช้อาคาร และ 3.ให้ยื่นดำเนินการแก้ไขและให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตก่อสร้างดัดแปลงหรือเคลื่อนย้ายอาคารใหม่ โดยดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องภายใน 90 วัน และให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตดัดแปลงอาคาร ภายใน 30 วัน รวมเป็น 120 วัน
“สรุปเบื้องต้นคือ มีการก่อสร้างซุ้มประตู กำแพง ที่ผิดแบบ ตามที่เทศบาลนครตรังแจ้งมูลนิธิฯ ต้องดำเนินการภายใน 120 วัน แต่ปรากฏว่า มูลนิธิฯได้ยื่นหนังสือต่อเทศบาลนครตรัง ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2564 (นายสัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง เข้ารับหน้าที่เป็นนายกเทศมนตรีในวันที่ 10 มิถุนายน 2564) เพื่อขอขยายเวลาคำสั่งการรื้อถอน และยื่นแบบใหม่ โดยขอขยายเวลาตามคำสั่งออกไปเป็นเวลา 120 วัน มีเลขรับหนังสือของเทศบาลนครตรังเรียบร้อย สรุปว่าการส่งหนังสือขอขยายเวลา ล่วงเลยเกิน 120 วัน ไปแล้ว แต่กลับพบว่า มีการกระทำอันน่าจะผิดกฎหมาย การปลอมเอกสารหรือใช้เอกสารปลอม มีการแก้ไขหนังสือ โดยให้มูลนิธิฯทำหนังสือขอขยายเวลาฉบับใหม่ แล้วนำส่งเทศบาล เป็นการทำหนังสือย้อนเวลาจากวันที่ 21 สิงหาคม 2564 เปลี่ยนเป็นวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 เพื่อให้อยู่ในช่วงเวลา 120 วัน และปรากฏว่ามูลนิธิฯก็ดำเนินการสร้างซุ้มประตู กำแพง จนแล้วเสร็จ”นายกัมปนาทระบุ
.
นายกัมปนาทระบุต่ออีกว่า แล้วยังพบปมปัญหาใหม่ คือ ต่อมา นายกเทศมนตรีนครตรัง ได้นำญัตติเสนอนายประเวช ไกรเทพ ประธานสภาเทศบาลนครตรัง เพื่อให้สมาชิกสภาเทศบาลนครตรัง พิจารณารับมอบการยกถนนและซุ้มประตู โดยได้มีการประชุมสภาเทศบาลนครตรัง ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 ปรากฏว่าสมาชิกสภาเทศบาลนครตรังชุดนายสัญญา ยกมือรับซุ้ม-ประตูกำแพงที่ไม่ได้ ร่น-เว้นระยะตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ซึ่งเทศบาลฯได้แจ้งให้มูลนิธิฯรื้อถอน แก้ไขแบบไปเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 จึงมีคำถามต่อว่า ขณะนี้ ซุ้มประตู-กำแพง ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ควมคุมอาคารแล้วหรือไม่ และตอนนี้ซุ้มประตูและถนนเป็นของเทศบาลนครตรังตามเจตนาของมูลนิธิฯแล้ว เรื่องนี้มีการเอื้อประโยชน์กันหรือไม่อย่างไร มีใครได้ประโยชน์อันเป็นตัวเงินจากการนี้บ้าง และ มีการทำและใช้เอกสารปลอมหรือไม่ เทศบาลนครตรังจะทำอย่างไรกับซุ้มประตูที่เทศบาลเองเคยมีคำสั่งให้รื้อถอน
“และผมตั้งข้อสังเกตว่า หากมูลนิธิฯ สร้างถูกต้องตามแบบ โดยที่เทศบาลนครตรังไม่เคยสั่งให้รื้อเลย มูลนิธิฯจะส่งมอบซุ้มประตู ถนน ให้เทศบาลหรือเปล่า อันนี้ผมไม่ทราบ แต่ผมได้ยื่นเรื่องนี้ไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ส่วนกลางไปแล้ว โดยมีหนังสือตอบรับ และส่งเลขรับเรื่องเข้ากระบวนการของป.ป.ช.มายังผมแล้ว”นายกัมปนาทระบุผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณซุ้มประตูมังกรสวรรค์ ตั้งอยู่ถ.วิเศษกุล ภายในเขตเทศบาลนครตรัง ชิดกับคลองห้วยยางซึ่งเป็นลำคลองเก่าแก่ไหลผ่านกลางเขตเทศบาล จากการสังเกตพบว่า เสาประตูซุ้ม อยู่ใกล้กับทางเดินริมคลองค่อนข้างมาก ซึ่งขณะลงพื้นที่กำลังมีการจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเทศบาลนครตรังในภาคกลางคืน มีประชาชนมาชมการแสดงศิลปะและการแสดงดนตรีจำนวนมาก เปิดงานโดยนายสัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง พร้อมด้วยนายถนอมพงษ์ หลีกภัย รองนายกเทศมนตรีนครตรัง กำกับดูแลสำนักการช่าง ตลอดจนสมาชิกสภาเทศบาลเข้าร่วมคับคั่ง ภายในงานมีบริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ประชาชนผู้มาเที่ยวงาน
.
นายสัญญา กล่าวชี้แจงว่า เรื่องนี้ทางเทศบาลได้มีการการพิจารณาในสภาเทศบาลนครตรังไปแล้ว โดยทางมูลนิธิฯจะมอบให้เป็นที่สาธารณะ เพื่อเป็นปะโยชน์สาธารณะต่อไป ตนคิดว่าเรื่องนี้ ถ้าเราจะเอาหลักนิติศาสตร์มาบริหารบ้านเมืองอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ด้วย ถามว่าบ้านเมืองเสียหายตรงไหน บ้านเมืองไม่ได้เสียหาย มีแต่ได้ คนเราต้องมองให้กว้าง มองให้ไกลเพื่อบ้านเมือง อย่าคิดว่าจะจ้องทำลายกัน คนเป็นบัณฑิตชนน่าจะคิดให้ถ่องแท้กว่านี้ ว่าได้หรือเสีย บ้านเมืองมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร มีแต่จะได้เพิ่มในสิ่งที่ดีขึ้น
“ผมคิดว่าเรื่องนี้บ้านเมืองได้ประโยชน์มากกว่า เรื่องซุ้มประตูที่รับโอนจากมูลนิธิฯ ผมไม่ได้ประโยชน์อย่างอื่น ผมประกาศเลย ผมไม่มีเงินบนโต๊ะใต้โต๊ะอะไรทั้งนั้น ยืนยันว่าผมทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีนอกมีในอะไรทั้งสิ้น”นายสัญญากล่าว
ด้านนายราม วสุธนภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง กล่าวว่า การกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมายตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ถือเป็นหน้าที่ของท้องถิ่นที่ต้องดูแลในส่วนของการก่อสร้างของเอกชนต่างๆ ซึ่งมีระบุระเบียบ กฎ ข้อปฏิบัติ ข้อห้ามชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นกรณีดังกล่าวก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากไม่ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารก็ต้องสั่งให้มีการรื้อถอน แก้ไข ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
“ทุกคนต้องทำตามกฎหมายหมด จะมายกเว้นคนนั้นคนนี้คงไม่ใช่ ไม่เช่นนั้นก็บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ เพราะพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เป็นกฎหมายเพื่อความสงบเรียบร้อยที่ทุกคนต้องดำเนินการ ไม่นั้นการก่อสร้างต่างๆก็จะเปลี่ยนรูปเปลี่ยนแปลงกันหมด และชัดเจนอยู่แล้วว่า สร้างใกล้แม่น้ำลำคลอง ต้องมีระยะถอยร่นเท่าไหร่ และหากเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายไม่ดำเนินการ ก็อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหน้าที่ได้ ส่วนของการรับโอนทรัพย์สินที่ก่อสร้างขัดต่อพ.ร.บ.ควบคุมอาคารนั้น การรับโอนทรัพย์สินต่างๆท้องถิ่นมีอำนาจอยู่แล้วในหลักการ แต่ทรัพย์สินนั้นก่อสร้างชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และหากผิด ก็ต้องดำเนินการแยกส่วนกันไป”ผอ.ป.ป.ช.ตรังระบุ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: