ฉะเชิงเทรา – เห็ดคางคก พิษแรงหม่ำถึงตาย ชาวแปดริ้วนำมาแกงเลียงถูกหามส่ง รพ.กลางดึก โชคดีที่แพทย์ช่วยเหลือล้างท้องไว้ได้ทัน ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว เผยผุดอยู่ตามโคนกอไผ่คล้ายกับเห็ดโคนที่งอกขึ้นเองตามธรรมชาติในช่วงฤดูฝนตกชุก ทำชาวบ้านสับสนจากลักษณะรูปทรงที่คล้ายคลึงกันแต่ต่างกันที่สีใต้ซุ้มดอก รวมถึงปลายนูนที่ยอดแหลมกับปลายยุบเป็นหลุมและมีพิษ
วันที่ 2 ส.ค.65 เวลา 11.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายประสิทธิ์ ตุ่นสมบัติ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/1 ม.11 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ชาวหมู่บ้านหินดาษว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 20.30 น. ได้ถูกคนในครอบครัวพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยพนมสารคาม ช่วยกันหามตนเองขึ้นรถเพื่อนำมาส่งยังที่ รพ.สนามชัยเขต อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงบ้านพักที่สุด ขณะหมดสติไม่รู้สึกตัว
ข่าวน่าสนใจ:
หลังจากได้ทำการบริโภคแกงเลียงเห็ดเข้าไป 1 ถ้วยใหญ่ (ขนาดเท่าถ้วยก๋วยเตี๋ยวเบอร์ใหญ่) เนื่องจากมีอาการมวนท้องคลื่นใส้อาเจียนอย่างรุนแรง และยังมีอาการถ่ายท้องด้วยเมื่อมาถึงยังโรงพยาบาล โดยอาการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากได้รับประทานอาหารมื้อค่ำไปเพียงประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น โดยตนเองเริ่มรับประทานอาหารมื้อเย็นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. และเริ่มมีอาการเมื่อเวลา 19.10 น.
สาเหตุนั้นเชื่อว่าเกิดจากกินเห็ดมีพิษ ที่ตนเองได้ไปเก็บมาจากริมรั้วในสวนด้านฝั่งตรงข้ามกับบ้านพักห่างเพียงประมาณ 50 เมตร บริเวณโคนกอไผ่เลี้ยง ซึ่งในช่วงเย็นได้ไปพบเห็นเห็ดผุดขึ้นมาจากพื้นดินรวม 2 กลุ่มจึงเข้าใจว่าเป็นเห็ดโคนที่กินได้ทั้ง 2 กลุ่ม เพราะเมื่อนำไปสอบถามจากทางผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ได้บอกว่ากินได้ จึงได้เก็บนำมาให้ภรรยา คือ นางวันดี บุษศรี อายุ 51 ปี ทำแกงเลียงไก่เป็นอาหารมื้อค่ำ แต่เมื่อนำมาบริโภคได้เพียง 1 ถ้วยใหญ่กับมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น
ซึ่งในขณะรับประทานนั้น ยังรู้สึกว่ารสชาติอร่อยดีจึงกินคนเดียวจนหมดถ้วยใบใหญ่ ก่อนจะเกิดอาการขึ้นมา จึงเชื่อว่าน่าจะมีเห็ดที่กินได้ 1 กลุ่มตามที่ผู้สูงอายุบอก และเห็ดที่กินไม่ได้อีก 1 กลุ่มที่งอกขึ้นมาอยู่ใกล้เคียงกัน จึงได้เก็บมาปะปนกันก่อนจะนำมาทำอาหารดังกล่าว และหลังจากทางแพทย์ได้ทำการล้างท้องให้แล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะนี้อาการดีขึ้นมากจนเกือบหายเป็นปกติดีแล้ว แต่แพทย์ยังให้งดน้ำและอาหารและยังไม่อนุญาตให้กลับบ้าน
เนื่องจากยังคงให้รอดูอาการก่อนอีกระยะเพราะเกรงว่าจะเกิดอาการจากพิษของเห็ดขึ้นมาภายหลังอีก โดยแพทย์ได้ให้ความเห็นว่าเห็ดที่ตนเองบริโภคเข้าไปนั้น น่าจะเป็นเห็ดคางคกมีพิษร้ายแรงและยังไม่มียารักษา หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นกับตนเอง จึงอยากเตือนชาวบ้านที่กำลังจะเก็บเห็ดไปบริโภคในช่วงฤดูฝนในขณะนี้ว่า ควรจะพิจารณาดูกันให้ดีๆ ว่าเป็นเห็ดที่กินได้หรือไม่ หรือมีเห็ดต่างชนิดกันขึ้นอยู่ใกล้ๆ กันหลายชนิดหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าว
ขณะที่ น.ส.ธัญชนก ตุ่นสมบัติ อายุ 18 ปี บุตรสาวคนเล็กของ นายประสิทธิ์ เล่าว่า ปกติบิดาตนเองมักออกไปหาหน่อไม้ป่าบ่อยครั้ง และมักจะเก็บเห็ดที่ขึ้นเองตามธรรมชาติมาบริโภคหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ใช่เห็ดชนิดนี้ โดยเมื่อเวลาประมาณ 16.00 – 17.00 น. วานนี้ (1 ส.ค.65) บิดาตนได้ไปเก็บเห็ดมาจากบริเวณริมรั้วข้างสวนหน้าบ้าน ซึ่งมีลักษณะเป็นดอกทรงกลมคล้ายร่ม ด้านบนดอกมีสีขาว แต่ที่ใต้ดอกเห็ดกลับมีสีน้ำตาลไปจนถึงก้านและโคน ขณะที่จุกกึ่งกลางด้านบนเป็นหลุมไม่นูน
หลังจากเก็บเห็ดมาแล้วบิดาตนยังได้นำไปสอบถามจากคนเฒ่าคนแก่ที่อยู่แถวย่านหน้าวัดหินดาษ ที่ยังบอกว่ากินได้หากเรานำมาล้างน้ำแล้วให้นำเมล็ดข้าวสารโรยใส่ลงไป หากเมล็ดข้าวสารไม่เปลี่ยนสีถือว่าเป็นเห็ดที่กินได้ แต่หากเมล็ดข้าวสารเปลี่ยนสีเป็นสีเขียว หรือสีเหลือง จะเป็นเห็ดที่มีพิษกินไม่ได้ แต่เมื่อลองนำมาทำตามวิธีการที่คนเก่าคนแก่บอกแล้ว ข้าวสารยังไม่เปลี่ยนสีจึงได้นำมาทำแกงเลียงเพื่อบริโภค จนทำให้บิดาตนอาเจียนจนถึงขั้นหมดสติไป
โดยหลังจากที่ตนเดินทางกลับจากไปช่วยงานศพคนในหมู่บ้านมา ในช่วงเวลาดังกล่าว และมาพบว่าบิดามีอาการอาเจียนจนหมดสติคาจานข้าว เพราะกินเห็ดมีพิษ จึงได้โทรศัพท์ไปเรียกรถพยาบาลจากหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยเหลือนำส่งไปยังโรงพยาบาลในทันทีเมื่อคืนที่ผ่านมา น.ส.ธัญชนก กล่าว
ขณะที่ นางวันดี กล่าวว่า ตนได้บริโภคแกงเลียงร่วมกับผู้เป็นสามีด้วย แต่มีอาการน้อยกว่า คือ มีอาการป่วนที่ท้องและอาเจียนออกมา 2 ครั้ง จากนั้นจึงมีอาการอ่อนแรงฟุบลงนอนอยู่กับกองเศษเห็ดที่อาเจียนออกมา ต่อมาสักพักอาการจึงหายไปและฟื้นกลับมาเป็นปกติ ส่วนสามีซดน้ำแกงเข้าไปเยอะมากด้วย จึงทำให้มีอาการหนักกว่าจนถึงขั้นอ่อนแรงและหมดสติไม่รู้สึกตัวไปจนถึงยังโรงพยาบาล
โดยเห็ดที่นำมาทำกับข้าวกินในครั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าเป็นเห็ดอะไรที่แน่ชัด โดยที่ผ่านมาเคยนำแต่เห็ดที่ขึ้นอยู่ตามขอนไม้มาปรุงอาหารรับประทาน ซึ่งสามารถบริโภคได้ตามปกติ แต่ยังไม่เคยนำเห็ดที่ขึ้นมาตามโคนกอไผ่นี้มาปรุงอาหารรับประทานมาก่อน นางวันดี กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: