ตรัง-“นายหัวชวน” เปิดปากครั้งแรก ยอมรับวิกฤตเลือดไหลกระทบปชป. เผย พรรคอื่นมาช้อนตัวส.ส.เขต ทำให้สมาชิกทยอยลาออกหวั่นเลือกตั้งได้ส.ส.น้อย ย้ำอุดมการณ์ “การเมืองสุจริต” สู้กระแสเงินบุกภาคใต้ แม้ได้ส.ส.น้อย แต่เป็น “พรรคถาวร” โยน “นายกฯชาย” สงบศึก “สมชาย-สาทิตย์” กรีด “ทวี สุระบาล” เคยตีจาก แถมเกือบไปพร้อม “สมชาย” สุดท้ายชาวบ้านไม่เอา ระบุ “สมชาย” หนุนพรรคคู่แข่งล้ม “สาทิตย์” เป็นเรื่องขัดแย้งส่วนตัว แต่ควรยึดพรรคตัวเองเอาไว้ก่อน ปัด ไม่รู้เรื่องรองหน.พรรคอ้างรับไฟเขียวทำโพลว่าที่ผู้สมัครเขต 4 ตรัง อ้อมแอ้มหนุน “สมบูรณ์” ให้ไปถามคนกันตัง แต่ที่ผ่านมาได้เป็นส.ส.ถึง 4 สมัย
จากกระแสปัญหาความไม่ลงตัวของการส่งว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในหลายจังหวัดทางภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) อาทิ พังงา กระบี่ ตรัง ซึ่งมีหลายเขตเลือกตั้งที่มีผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในนามพรรคมากกว่า 1 คน จนเกิดปัญหาการแข่งขันและความขัดแย้งกันเองในหมู่สมาชิกพรรค รวมทั้งแกนนำพรรคที่ต่างฝ่ายต่างให้การสนับสนุนคนของตัวเองลงสมัครในเขตนั้นๆ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดตรัง บ้านเกิดของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานที่ปรึกษาพรรคปชป. ซึ่งมีปัญหาทับซ้อนกันในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 4 อำเภอกันตัง และอำเภอสิเกาบางส่วน ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตส.ส.ตรัง เขต 4 หลายสมัย หลังล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ทำให้จังหวัดตรังกลับมามีส.ส.ได้ 4 คน ใน 4 เขตเลือกตั้ง เพิ่มจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 ที่แบ่งเพียง 3 เขตเลือกตั้ง มีส.ส.ทั้งจังหวัดเพียงแค่ 3 คน โดยในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นายสมบูรณ์ต้องขยับขึ้นไปลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อและพลาดตำแหน่ง ซึ่งเขต 4 เดิมได้ถูกตัดแบ่งเป็น 2 ส่วน ไปรวมเป็นเขต 3 และมีน.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ บุตรสาวนายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีตส.ส.ปชป. ได้เป็นส.ส.ตรังเขต 3 คนปัจจุบัน และแบ่งไปเป็นเขต 2 ของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรังเขต 2 หลายสมัย โดยล่าสุดนายสมชายและน.ส.สุณัฐชา ได้ออกมาเคลื่อนไหวให้การสนับสนุนนายกาญจน์ ตั้งปอง ส.ท.เมืองกันตัง เป็นว่าที่ผู้สมัครในนามพรรค ขณะที่นายสมบูรณ์เองก็ยืนยันว่าจะลงสมัครในนามพรรคเช่นกัน ทำให้เกิดความไม่ลงตัว จนนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลาพรรคปชป. ในฐานะรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ ต้องออกมายุติปัญหาด้วยการเตรียมทำโพลสอบถามความเห็นประชาชนในพื้นที่ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ว่าจะเลือกใครลงเป็นผู้สมัครในนามพรรค โดยอ้างว่าได้รับไฟเขียวจากนายชวน , หัวหน้าพรรคปชป. และเลขาธิการพรรคปชป.แล้ว ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง ชาวบ้านสืบสานอนุรักษ์การปลูกข้าวไร่ไว้กินเองครอบครัวเหลือขาย
- กกต.ตรัง พร้อมเปิดสนาม จัดเลือกตั้งอบจ. เปิดยิม 4,000 ที่นั่งรับสมัคร พื้นที่กว้างขวางรองรับกองเชียร์ผอ.กกต.ตรัง เผยการข่าวพบ 3…
- สงขลา"นายกเเบน"ลงชิง นายก อบจ.สงขลา รวม 3 ทีมเป็นหนึ่งเดียว ชู 10 นโยบายเร่งด่วนทำได้จริง
- นายกฯ ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ พร้อมสั่งการหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร…
ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมราชพฤกษ์ โรงเรียนกันตังพิทยากร ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่เขต 4 จังหวัดตรัง นายสมบูรณ์ได้รวมสมาชิกพรรคในเขต 4 ทำกิจกรรมทางการเมือง ด้วยการจัดสัมมนาเครือข่ายสมาชิกพรรคปชป.กว่า 300 คน ภายใต้โครงการ “สร้างเครือข่ายการเมืองสุจริต ระดมความคิดพัฒนาตรัง” โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรมพร้อมบรรยายพิเศษหัวข้อเกี่ยวกับการทำงานการเมืองสุจริต โดยเมื่อมาถึงนายสมบูรณ์และสมาชิกพรรคเขต 4 ได้ให้การต้อนรับและนำนายชวนพบปะสมาชิกพรรคด้วยความเป็นอันเอง โดยเหล่าสมาชิกพรรคต่างขอจับไม้จับมือและถ่ายภาพร่วมกับนายชวนด้วยบรรยากาศคึกคัก โดยพิธีกรได้ขอให้นายชวนและนายสมบูรณ์ถ่ายภาพร่วมกับสมาชิกพรรค ที่ชูมือตะโกนพร้อมกันว่า “การเมืองสุจริต เรารักท่านชวน เขต 4 สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล” ดังกึกก้องห้องประชุม
นายชวน กล่าวบรรยายเป็นภาษาปักษ์ใต้ ตอนหนึ่ง ว่า พฤติกรรมทางการเมืองทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตมาก ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ไปจนถึงระดับประเทศ ทุกวันนี้การเมืองใช้เงิน ทำการเมืองด้วยการใช้เงิน เราจึงต้องมาทำการเมืองสุจริต ในสมัยตนเป็นนายกรัฐมนตรี และควบรมว.กลาโหม งบกลาโหมมีงบลับ เขาบอกว่านายกฯเอาไปใช้ได้เลย เอาไปใช้เฉยๆ ปีละ 7 ล้านบาท แต่ตนไม่เอา ทุกวันนี้ตนไม่มีบ้านที่กทม. ต้องเช่าบ้านอยู่ ที่จริง 7 ล้านบาทตอนนั้นเอาไปซื้อบ้านอยู่ก็ได้ แต่ตนไม่เอา และให้คืนงบบรรจุกลับไปใหม่ เพราะเราทำการเมืองสุจริต ดังนั้น ถ้าเราไม่สามารถระงับยับยั้งการทุจริตได้ ก็ไม่มีวันที่บ้านเมืองจะรุดหน้าไปได้ เช่นการทำถนน ทำไปแล้วถนนที่ทำก็เสื่อมสภาพ แต่จังหวัดตรังโชคดี เช่น ถนนสายมาอำเภอกันตัง ทำเป็นถนนคอนกรีต เพราะเขาเกรงใจตน ทำเสร็จใช้งานมากี่ปีแล้วไม่ต้องซ่อม เพราะนายช่างที่คุมงานสมัยนั้นเป็นคนดี เป็นคนสุจริต
“วันนี้มาเป็นประธานสภาฯครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากเมื่อปี 2531 ผมเคยเป็นมาแล้วในสมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ พอมาเที่ยวนี้ก็ไม่ได้คิดจะมาเป็น แต่บังเอิญมีรัฐบาลมา พรรคปชป.ไปร่วมรัฐบาล และเที่ยวนี้ปชป.ได้เสียงน้อย แต่สำหรับผมไม่ได้ไปเป็นประธานสภาฯด้วยโควต้าพรรค แต่ถ้าไม่ใช่ผมไปเป็นตำแหน่งนี้ เขาไม่เอา ดผมจึงไปเป็นประธานสภาที่ไม่เกี่ยวกับโควต้าของพรรคปชป. วันที่ 18 กันยายนนี้จะปิดสมัยประชุมสภาฯ จากนั้นวันที่ 1 พฤศจิกายน จะเปิดสมัยประชุมใหม่ แล้วนับไปอีก 120 วัน จะจบสมัยประชุม คือสิ้นสุดสภาฯชุดปัจจุบัน ผมพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคปชป.มานาน แต่ยังเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค และเป็นมา 16 ปีแล้ว เคยเป็นนายกฯ 2 สมัย เป็นประธานสภาฯ 2 สมัย ทั้งหมดนี้ผมเป็นหนี้บุญคุณพี่น้องประชาชน ถ้าคนตรังเห็นแก่เบี้ย(เงิน) ไม่เลือกผม เพราะผมไม่มีเบี้ย เพราะถ้าผมใช้เบี้ย ผมอยู่ให้เพื่อนนับถือไม่ได้ ดังนั้น ทั้งระดับ อบต. เทศบาล อบจ. ไปจนถึงระดับชาติ ทุกระดับต้องยึดความซื่อสัตย์สุจริต ในอดีตเขาว่าคนภาคใต้ซื้อไม่ได้ แต่เศรษฐกิจทุกวันนี้ คนไม่มีเบี้ย ดังนั้น ทุกคนจะมุ่งมาซื้อเสียงที่ภาคใต้ เพราะ 100-200 บาท ก็ซื้อได้ แต่เชื่อเถอะว่า เงิน 100-200 บาท ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น ศักดิ์ศรีเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าไม่มีความสุจริต ไปไหนคนก็ไม่นับถือว่ามันซื้อเสียงมา แน่นอนว่าพี่น้องประชาชนย่อมมีสิทธิ์ในทางการเมือง แต่ขออย่างเดียวอย่าให้เงินมามีส่วนในการตัดสินใจ ขอให้เชื่อว่าเงินที่มาจากวิธีที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีทางทำให้คนๆนั้นมีความสุขได้”นายชวนย้ำ
ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับ นายชวน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกว่า ประเด็นการเมืองสุจริตนั้นได้ทำมาตลอดชีวิต และตนคิดว่ามีผลไปจนถึงระดับประเทศ ที่ทำมาไม่ได้เจาะจงเฉพาะระดับใด ตอนนี้ที่สภาฯทำ เรียกว่าโครงการบ้านเมืองสุจริต โดยขอใช้งบประมาณ 15 ล้านบาท มีการตั้งคณะกรรมการซึ่งมาจากตัวแทนสถาบันการศึกษาทั้งหมด ทุกระดับทั้งเอกชนและรัฐบาล เพื่อมาเป็นคณะกรรมการร่วมกัน และมาทำโครงการรณรงค์เรื่องบ้านเมืองสุจริต ไม่เฉพาะเจาะจงว่าจะเป็นเรื่องการเมืองอย่างเดียว แต่ต้องเป็นทุกเรื่อง และต้องยอมรับความจริงว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องที่ไม่สุจริต มาจากการใช้เงินซื้อตำแหน่ง หรือ ซื้ออะไรก็ตามแต่ ที่เป็นต้นทุนที่ต้องหามาทดแทนสิ่งที่เสียไป ทำให้ระบบการเมืองมีผลกระทบไปด้วย ความจริงแล้วมันมีมานาน และวันเวลาไม่ได้ทำให้ลดลง ซึ่งต้องยอมรับความจริง แต่จะอยู่เฉยๆ ปล่อยไปตามยถากรรมบ้านเมืองจะเกิดอันตราย ตรงนี้ทุกฝ่ายต้องยอมรับ และมีหลายองค์กรพยายามทำเรื่องนี้ แต่มาติดปัญหาเรื่องการปฏิบัติ ตนจึงเน้นเรื่องธรรมาภิบาล ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่มาเกิดปัญหาในภาคปฏิบัติ
“ต้องยอมรับว่าในอดีตประชาชนไม่เอาด้วยกับการซื้อเสียง แต่เศรษฐกิจในปัจจุบันกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชน บางทีเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นต้องรณรงค์ให้คนสกัด อย่ายอม ให้ความไม่สุจริตมาครอบงำสังคม”นายชวนกล่าว
ผู้สื่อข่าวภามถึงปัญหาภายในพรรคปชป. ที่มีคนเก่าแก่ของพรรครวมถึงสมาชิกพรรคทยอยลาออกไปจำนวนมาก และยังมีทีท่าว่าจะมีคนออกอีก นายชวนกล่าวว่า ปัจจุบันนี้มีสมาชิกพรรคลาออกไปจำนวนไม่น้อย และยังมีพรรคการเมืองบางกลุ่ม ที่เป็นพรรคการเมืองเกิดใหม่มาทาบทามคนของพรรคปชป.เยอะ ทำให้สมาชิกบางส่วนออกไป แต่อีกส่วนที่มีมั่นคงเขาก็ไม่ออกไป เช่น ที่จังหวัดกระบี่ มีพรรคการเมืองเกิดใหม่มาทาบทาม น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.ปชป. แต่เขาไม่ไป ส่วนสมาชิกที่ออกไป เพราะไม่มีเขตเลือกตั้ง และมองว่าพรรคปชป.ไม่เข้มแข็ง ไม่เป็นที่นิยมเหมือนเดิม ตนพยายามขอร้องสมาชิกโดยบอกว่าพรรคปชป.จะขึ้นหรือลง ได้มากได้น้อย อย่างไรก็เป็นพรรคถาวร เมื่อถามว่า ดูเหมือนความนิยมของพรรคปชป.จะลดลง จะส่งผลต่อจำนวนเก้าอี้ส.ส.ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงหรือไม่ นายชวนตอบว่า “ตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจ ยังไม่สามารถวัดอะไรได้ แต่การที่เรายังมีตัวผู้สมัครที่เข้มแข็งอยู่ แต่พรรคอื่นเอาไป นั่นย่อมมีผลกระทบแน่นอน”
ส่วนความขัดแยกภายในของพรรคปชป.ตรัง ระหว่างนายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีตส.ส. กับ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรังเขต 2 นั้น นายชวน กล่าวว่า “ผมคิดว่าทั้งคู่ก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ทุกอย่างก็ต้องพูดคุยกัน ส่วนเรื่องที่นายสมชาย ประกาศตัวให้การสนับสนุนนายทวี สุระบาล ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 พรรคพลังประชารัฐนั้น ผมไม่เคยได้ยิน เพราะนายสมชายไม่เคยมาพูดกับผม และนายทวีก็เคยอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ แล้วก็ออกจากพรรคไปในครั้งนั้น และได้ชวนนายสมชายออกไปด้วย ทางเราได้เอาข้อมูลมาเปิดเผย ทางนายทวีเลยได้รับผล คือ คนอำเภอห้วยยอดไม่เอา” ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในการเลือกตั้งสมัยหน้าหากนายสมชาย ประกาศช่วยนายทวี ซึ่งเป็นคู่แข่งของพรรคปชป. จะส่งผลกระทบต่อพรรคหรือไม่ นายชวน ตอบว่า ในพื้นที่ภาคใต้มีรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ดูแลอยู่ ปกติจะให้เกียรติรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ใช้ดุลยพินิจ แต่กรณีเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องตัวบุคคล แต่ตนคิดว่าทุกฝ่ายต้องยึดพรรคเอาไว้
“ส่วนเรื่องการทำโพลหาตัวผู้สมัครในพื้นที่ตรังเขต 4 นั้น ผมยังไม่ทราบเรื่อง เป็นเรื่องของรองหัวหน้าพรรค และเรื่องการหาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค ระดับภาคก็ต้องให้แต่ละภาคดูแลและพิจารณา อย่างภาคใต้ตอนนี้รองหัวหน้าพรรค คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง และในส่วนความเหมาะสม หรือความพร้อมของนายสมบูรณ์ อดีตส.ส.ปชป. ที่เสนอตัวลงสมัครในเขต 4 นั้น ผมให้คนที่อำเภอกันตังตอบได้ดีกว่าผม เพราะนายสมบูรณ์เป็นอดีต ส.ส.มา 4 สมัย ส่วนการมาเปิดสัมมนาในครั้งนี้ จะมองเป็นการแสดงสัญลักษณ์สนับสนุนนายสมบูรณ์หรือไม่นั้น ผมมาทุกครั้งที่มีจัดกิจกรรมกับชาวบ้าน อย่างน้อยที่สุดก็ได้มาพบปะพูดคุยกับชาวบ้าน เดือนที่แล้วก็มาเช่นกัน เรื่องตัวผู้สมัครก็เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนผมมีหน้าที่ช่วยพรรค แต่ไม่มีส่วนในการตัดสินใจ แต่ถ้ามีคนถามคำแนะนำ ก็พร้อมจะแนะนำได้ แต่เวลาตัดสินใจกรรมการบริหารพรรคเป็นคนตัดสินใจ”นายชวนระบุ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: