ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีเชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวังป้องกันอุทกภัยใน 2 ลุ่มน้ำ ทั้งน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำป่าสักพบว่ายังไม่ส่งผลกระทบกับประชาชน วันที่ 23 ส.ค. 2565 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้เป็นประธานในการประชุมติดคามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 10 ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี ซึ่งมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการวางแผนป้องกันการเกิดอุทกภัยอาทิ ผู้บริหารสำนักงานชลประทานที่ 10 ป้องกันบรรเทาสาธารณะภัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาลพบุรี ทั้งนี้เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลวางแผนในการป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดลพบุรี
นอกจากนี้ยังจะได้ทราบข้อมูลของปริมาณน้ำที่อยู่ในเขื่อนต่าง ๆ ปริมาณน้ำในลุ่มน้ำป่าสักและการรับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ส่งมาในคลองชลประทานสาย ชัยนาท – ป่าสัก เพื่อที่จะได้หาแนวทางป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน พื้นที่ทางการเกษตร โดยพบว่าปริมาณน้ำที่ไหลมาในคลองชลประทานนั้นได้มีการรับน้ำน้อยลงทำให้มีการสูบน้ำที่ไหลมาแนวคลองชลประทานสามารถสูบลงสู่ในคลองชลประทานได้ นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำแรงดันสูงและเครื่องสูบน้ำขนาดต่าง ๆ จากทางศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 16 ชัยนาทด้วย
ขณะที่การระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในวันนี้ได้ระบายลงสู่ท้ายเขื่อน ที่ปริมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีปริมาณน้ำที่เก็บกักในตัวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ 499 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 ไม่ส่งผลกระทบที่ทำให้เกิดน้ำท่วมกับบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่สองฝั่งแม่น้ำ แต่ด้วยอิทธิพลของพายุฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำสะสมในพื้นที่รับน้ำตอนบนเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จำนวนมาก ตั้งแต่ อำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ส่งผลกระทบน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน มวลน้ำจากเพชรบูรณ์ได้เคลื่อนตัวลงสู่แม่น้ำป่าสัก ในอำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนฯ ในปริมาณมาก และ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุด เช้านี้ ยังคงมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักฯ กว่า 268.16 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 23.169 ล้าน ลบ.ม./วัน ปริมาณน้ำในอ่าง 490.13ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละด 51.06 จากความจุของอ่างเก็บน้ำที่มี ปริมาณการระบายลงสู่ท้ายเขื่อน 400.02 ลบ.ม./วินาที หรือ 34.561 ล้าน ลบ.ม./วัน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เกิดประสิทธิ์ภาพสูงสุด สอดคล้องกับ การพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น ทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำไว้สำหรับรองรับมวลน้ำขนาดใหญ่ จากฝนที่ตกสะสมก่อนหน้านี้ ตามแผนการบริหารจัดน้ำที่กรมชลประทานกำหนด เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: