ตรัง มิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรหลอกให้กดลิ้งค์เว็บ โดนดูดเงินเก็บทั้งชีวิตเกลี้ยงบัญชี ทำเอาสูญเงินไป 1.4 ล้านบาท แม้แต่บัญชีธนาคารรับสิทธิ์คนละครึ่งยังโดนดูดเงินหายไปอีก 1 หมื่นบาท ทำสุดช็อก น้ำตาตก หลังไปยื่นเอกสารจ่ายภาษีที่สรรพากร ซึ่งอาจทำข้อมูลส่วนตัวหลุดไปถึงมือมิจฉาชีพทำให้เสียเงินล้าน หลังจากนี้ไม่เชื่อมั่นแอพและจะเลิกใช้แอพทุกธนาคาร หันมาเบิกถอนเงินผ่านสมุดบัญชีเพียงอย่างเดียว ส่วนร้านที่จะเปิดต้องเลื่อนออกไปก่อนเพราะไม่มีเงินนำมาลงทุนแล้ว
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 นางนิส ไทรงาม อายุ 63 ปี ชาวอ.ห้วยยอด จ.ตรัง พร้อมด้วย น.ส.นิดา ไทรงาม อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นลูกสาว และนางสาวศิริวรรณ ไทรงาม อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ หอบเอกสารเข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว หลังถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรแจ้งเรื่องค้างภาษี พร้อมแชทไลน์ส่งลิ้งค์อ้างเป็นลิ้งค์เว็บกรมสรรพากรเข้ามา ให้น.ส.นิดา กดลิ้งค์เข้าไปตรวจสอบว่ามีการค้างภาษีหรือไม่ แต่เมื่อกดเข้าไปแล้วโทรศัพท์ค้างขึ้นหน้าจอเป็นสีฟ้า มีโลโก้กรมสรรพากร พร้อมข้อความว่า “668325 อยู่ระหว่างการทำการตรวจสอบชื่อนาม-สกุลห้ามใช้งานโทรศัพท์” และโทรศัพท์ไม่สามารถทำอะไรได้อีก เห็นแค่ข้อความเงินถูกโอนออกจากบัญชี โดยในธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 1,458,000 บาท และอีกแอพพลิเคชั่นธนาคารกรุงไทย จำนวน 10,000 บาท ซึ่งเงินที่โดนดูดไปนั้น ทั้ง 2 บัญชี ล้วนใช้แอพพลิเคชั่นของธนาคารกับโทรศัพท์ทั้ง 2 ธนาคาร รีบประสานติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทราบเบื้องต้นว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีชื่อ น.ส.สุภาพร กุลอามาตย์ ทางธนาคารได้ทำการอายัดบัญชีแล้ว แต่ขณะนี้เป็นเวลา 3 วัน ทั้งครอบครัวเฝ้ารอเงินกลับมาแต่ยังไร้วี่แวว หมดกำลังใจทำงานต่อ จึงเข้าร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าวไปยังผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ ดูแลตรวจสอบและลดขั้นตอนกระบวนการในการแจ้งอายัดบัญชี เพราะเมื่อกระบวนการยุ่งยากทำให้ไม่ทันการ พร้อมฝากเตือนพ่อแม่พี่น้องให้ระวังมิจฉาชีพมารูปแบบใหม่ แค่กดลิ้งค์เพียงเสี้ยววินาทีเงินเก็บทั้งชีวิตโดนดูดออกจากบัญชีหายเกลี้ยงภายในพริบตา
น.ส.นิดา ไทรงาม (ลูกสาว) (เสื้อลายดอกสีดำ) บอกว่า เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เช้าของวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งในตอนแรกมีคนโทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และประจวบกับที่ตนเองและแม่อยู่ระหว่างการทำเรื่องเกี่ยวกับภาษีถ่ายโอนกิจการพอดี ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่ายังคงเป็นภาษีที่ค้างอยู่ ก็เลยคุยกับเขาแล้วเขาได้แจ้งชื่อจริงนามสกุลจริงของแม่มาอย่างถูกต้อง แล้วบอกว่าได้ไปทำธุรกรรมเกี่ยวกับภาษีค้างอะไรอยู่บ้างไหม เกี่ยวกับกิจการร้านค้า จากนั้นแม่ก็ได้ยื่นโทรศัพท์ให้กับตัวเอง ต่อมาเขาก็ส่งลิงค์เข้ามาทางLINEให้กดเข้าไป ซึ่งลิงค์ที่ส่งมาเป็นลิ้งค์รูปของกรมสรรพากร และขึ้นเป็นหน้าเว็บของกรมสรรพากร หลังจากนั้นแจ้งให้ตนเองเขียนชื่อนางนิส ไทรงามซึ่งเป็นชื่อของแม่ ไปพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีโทรศัพท์ก็ค้าง ไม่สามารถบังคับโทรศัพท์ได้ โดยหน้าจอขึ้นสีฟ้าและมีข้อความขึ้นว่า ” 668325 อยู่ระหว่างการทำการตรวจสอบชื่อนาม-สกุลห้ามใช้งานโทรศัพท์” หลังจากนั้นเงินก็ถูกดูดออกไปเกลี้ยงเลย ซึ่งในขณะที่เงินถูกดูดก็เห็นภาพสลิปเด้งขึ้นมาแจ้งยอดเงินของแอพธนาคาร แต่ในขณะนั้นโทรศัพท์ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
โดยเงินในบัญชีแรกเป็นของธ.ไทยพาณิชย์ถูกดูดหายไป จำนวน 1,458,000 บาท และอีกบัญชีหนึ่งเป็นของธนาคารกรุงไทยยอดเงินหายไป 10,000 บาท ซึ่งเป็นแอพของธนาคารที่อยู่ในมือถือทั้งหมด
ข่าวน่าสนใจ:
- คึกคัก นาย"บุ่นเล้ง" อดีตนายกอบจ.ตรัง นำทีมนายกบุ่นเล้ง สมัครครบ 30 เขต ท่ามกลางกองเชียร์คับคั่ง
- ตรัง "เมนูลูกปลาปิ้งเครื่อง" จับปลาสดๆจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ปรุงเป็นอาหารพื้นบ้านแสนอร่อย
- รับสมัคร นายกอบจ.-ส.อบจ.ตรัง วันแรกคึกคัก! บ้านใหญ่ตระกูลโล่ฯ-ส.ส.ตรังทุกพรรค-กองเชียร์นับพัน แห่ให้กำลังใจ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” สู้ศึกอีกสมัย…
หลังจากนั้นตนเองและแม่ก็ได้รีบไปยังธนาคารเพื่อยื่นเรื่องขออายัดบัญชีปลายทางซึ่งเป็นบัญชีในชื่อน.ส.สุภาพร กุลอามาตย์ เป็นบัญชีธนาคารยูโอบีโดยเร็วที่สุด และเข้าแจ้งความกับสภ.ห้วยยอด พร้อมด้วยกองปราบปรามเทคโนโลยี ซึ่งในขณะนี้เรื่องส่งส่วนกลางอยู่ และตนยังกล่าวอีกว่า ตนมีความสงสัยว่าข้อมูลของตนเองและแม่ได้เกิดการรั่วไหลมาจากกรมสรรพากรหรือแอพธนาคารที่ใช้อยู่หรือไม่ ซึ่งตนเองอยากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ เข้ามาช่วยเหลือเกี่ยวกับคดีนี้
ซึ่งในขณะนี้ยอดเงินในบัญชีของแม่ ในธนาคารไทยพาณิชย์ เหลือเพียง 761 บาท และในธนาคารกรุงไทยเหลือเพียง 900 กว่าบาท โดยเงินดังกล่าวนี้ตัวเองจะเอาไปลงทุนเปิดร้าน แต่มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเสียก่อน อย่างน้อย ๆ จึงอยากวอนขอเจ้าหน้าที่ช่วยนำเงินกลับมาให้ตนและครอบครัวด้วย เพื่อจะได้ทำกิจการต่อไปได้
น.ส.นิดา ยังกล่าวอีกว่า ต้องยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมาฝ่ายเจ้าหน้าที่ทำงานล่าช้ามาก โดยตนจะต้องไปเดินเรื่องเอง และต้องคอยส่งหนังสือต่อ ๆ กันไป ซึ่งเงินที่หายไปก็คงไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว ตอนนี้ก็ยังให้กำลังใจตัวเองขอให้เงินยังอยู่ในบัญชีนั้นอย่าโดนถอนออกไปเลย แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่อย่างน้อย ๆ ได้คืนกลับมาบ้างก็ยังดี ตอนนี้ไม่เหลือเลย ตอนนี้ตนเองรู้สึกไม่มีแรงทำงานเลยทั้งครอบครัวเครียดไปหมด โดยเฉพาะแม่เกือบจะมีอาการช็อคหัวใจกำเริบต้องรีบพาไปหาหมอรักษา
โดยปกติ เมื่อเข้าใช้แอปพลิเคชั่นของธนาคารจะต้องกดรหัสเข้าทุกครั้ง แต่นี่เราไม่ได้กดรหัสผ่านอะไรเลยและไม่ได้ใส่รหัส otp อะไรเลยด้วย แล้วก็ไม่ได้บอกเลขรหัสผ่านอะไรไปเลยแต่เงินกลับหายไปได้ง่าย ๆ เลย ซึ่งตนอยากรู้ว่าเงินที่เราฝากไว้กับธนาคารมีความปลอดภัยแค่ไหน ตอนนี้รู้สึกว่าขาดความน่าเชื่อถือไปมาก เมื่อขายของมาได้คือถือเงินสดเองอย่างเดียวไม่ฝากเข้าธนาคารอีกแล้วเพราะกลัว ตอนนี้เดือดร้อนจริง ๆ เงินเก็บทั้งชีวิตของแม่ ซึ่งได้เก็บออมจากการที่แม่เปิดร้านเขียงขายหมู อยู่ในตลาดมา 40 กว่าปี ตอนนี้ไปหมดเลย และอยากฝากเตือนพ่อแม่พี่น้องทุกคน ว่าตอนนี้มิจฉาชีพมาในรูปแบบใหม่แค่คลิกลิงค์เงินก็สูญหายได้ เพียงไม่กี่เสี้ยววินาที
ด้านน.ส.ศิริวรรณ ไทรงาม (ลูกสะใภ้) (สวมเสื้อสีแดง) บอกว่า อยากให้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งเรารู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดบ่อยมาก แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่ทำอะไรได้ทันทีเลย อยากฝากเรื่องตรงนี้ช่วยเป็นกระบอกเสียงเรียกร้อง ให้มีความช่วยเหลืออย่างจริงจัง ซึ่งเหตุเกิดมาประมาณ 3 วันแล้วก็ยังไร้วี่แวว เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น รู้สึกว่าความปลอดภัยของเทคโนโลยีไม่มีเลย หรืออาจจะต้องกลับไปใช้สมุดบัญชีมายื่น ฝาก-ถอน กับเจ้าหน้าที่โดยตรง หากการใช้แอปพลิเคชั่นของธนาคารแล้วเกิดเหตุการณ์อย่าง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: