ฉะเชิงเทรา – แจงเหตุรถลื่นไถล ตกถนนซ้ำซาก ยันก่อสร้างได้มาตรฐานและผ่านตรวจรับงานเป็นไปตามที่กรมทางหลวงกำหนด ระบุพบสารเคมีถูกทำตกหล่นเป็นแผ่นฟิล์มเคลือบหน้าพื้นผิวกั้นระหว่างดอกยางรถยนต์และพื้นถนนไว้ หลังถูกน้ำฝนชะล้างจึงเปลี่ยนเป็นของเหลวลื่นมัน ประกอบดอกยางรถบางคันไม่สมบูรณ์ หลังขับผ่านด้วยความเร็วเป็นเหตุทำให้เกิดการลื่นตกถนน แต่ไม่ยืนยันชัดเป็นสารเคมีชนิดใด
วันที่ 27 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทศพร พยูรวงศ์ รอง ผอ.แขวงทางหลวงฉะเชิงเทรา ฝ่ายวิศวกรรม ได้กล่าวชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุการลื่นไถลตกถนนของรถยนต์ที่ใช้เส้นทางผ่านบริเวณทางสามแยกสตาร์ไลท์ บนถนนสาย 304 สุวินทวงศ์ ด้านฝั่งขาเข้า กทม. พื้นที่ ม.5 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา แบบต่อเนื่องในวันเดียวกันรวม 9 คัน และเกิดซ้ำซาก 2 วันติดกันรวม 11 คันว่า มีสาเหตุมาจากที่ผู้ใช้เส้นทางทำสารเคมีที่บรรทุกมาตกหล่น
ข่าวน่าสนใจ:
จนกลายเป็นแผ่นฟิล์มเคลือบผิวจราจรไว้ และกั้นกลางระหว่างหน้าดอกยางล้อรถยนต์กับพื้นถนนจนทำให้ไม่สัมผัสกันโดยตรง หลังจากถูกน้ำฝนชะล้างจึงเปลี่ยนมาเป็นของเหลวลื่นมัน ประกอบกับดอกยางของล้อรถยนต์บางคันไม่สมบูรณ์ หรือมีระดับของลมยางที่ไม่เหมาะสม เมื่อขับผ่านมาด้วยความเร็วจึงเกิดการลื่นไถล และเป็นสาเหตุที่ทำให้รถตกถนนลงไปยังในคูน้ำข้างทาง แต่ไม่ทราบชนิดของสารเคมีดังกล่าวว่าเป็นชนิดใด เนื่องจากมีการละลายไปกับน้ำฝนแล้ว
แต่มีฤทธิกัดกร่อนค่อนข้างรุนแรง โดยสามารถกัดละลายสีบนพื้นถนนให้กลายเป็นผงและหลุดออกมาได้ทั้งเส้นสีเหลือง และเส้นสีขาว โดยมีการตรวจพบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. ซึ่งจุดที่พบนั้นอยู่ห่างเลยจากสามแยกสตาร์ไลท์ไปประมาณ 200 เมตร ก่อนถึงด้านหน้าเต็นท์รถมือสองประมาณ 300 เมตร ในวันนี้แขวงทางหลวงฉะเชิงเทรา จึงได้ไปทำการล้างพื้นผิวจราจรด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำในบริเวณดังกล่าวรวมระยะทางประมาณ 500 เมตรเพื่อกำจัดสารเคมีที่ตกหล่นในบริเวณจุดเกิดเหตุ
ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป คือ การใช้รถอุปกรณ์มาทำการขัดพื้นผิวถนนให้มีความฝืดมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาด้านฝั่งขาเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทราในบริเวณเดียวกันนี้ก็เป็นเหมือนกัน และหลังจากได้ทำการแก้ไขไปแล้วพบว่าได้ผล และเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบริเวณก่อนถึงทางสามแยกสตาร์ไลท์ด้านฝั่งขาออกนั้นก็มีเป็นลักษณะเช่นเดียวกัน โดยมีรถตกถนนไป 7 คันและส่วนใหญ่เป็นรถยนต์เก๋งด้วย
โดยในครั้งนั้นพบว่ามีถังน้ำมันใช้แล้วชนิดแกลลอนตกหล่นอยู่บนพื้นถนน และกระจายออกเป็นวงกว้างด้วยน้ำฝนเมื่อมีฝนตก สำหรับการก่อสร้างและตรวจรับงานนั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่กรมทางหลวงกำหนดไว้ และมีการตรวจผ่านไปแล้ว โดยความฝืดและความลื่นนั้นได้มีการตรวจวัดกันอยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น ทางแขวงไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยการใช้รถใช้อุปกรณ์มากัดผิวเพื่อเพิ่มความฝืดขึ้นไปอีก
โดยจะเห็นได้จากเส้นทางสาย 304 ช่วงก่อนถึงทางแยกเข้าวัดสมานรัตนาราม เมื่อประมาณกว่า 2 ปีที่แล้ว หลังโครงการแล้วเสร็จใหม่ๆ จะมีรถตกถนนบ่อยครั้ง เราได้พยายามทำด้วยการโรยอุปกรณ์ ใส่ป้ายเดือนไม่ให้ขับรถเร็ว เมื่อฝนตกถนนลื่น ป้ายเฝ้าระวัง เครื่องหมายพื้นทาง และโรยสีชะลอความเร็วลงไป จนทำให้ปัจจุบันนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แม้จะมีรถตกถนนลงไปบ้างเป็นบางคัน จึงอยากวิงวอนผู้ใช้ทางให้ลดความเร็วลงไม่ควรเกิน 60 กม.ต่อชั่วโมง หลังจากมีฝนตกพร้อมกับตรวจอุปกรณ์และลมยางให้พร้อมใช้งาน
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ที่บริเวณทางไปวัดสมานกับบริเวณแยกสตาร์ไลท์มีสาเหตุเป็นกรณีเดียวกันหรือไม่ นายทศพร ระบุว่าหากพูดถึงผิวการจราจรลื่นนั้นมีลักษณะคล้ายกัน แต่ที่แยกสาร์ไลท์นั้น พบว่ามีน้ำมันเครื่องและสารเคมีหล่นอยู่บนพื้นถนน แต่หากถามว่าผิวของถนนนั้นลื่นคล้ายๆกันไหม ตอบว่าลื่นคล้ายๆกัน เมื่อมีฝนตก แต่อย่างไรก็ตามความลื่นนั้นไม่ได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่กรมทางหลวงกำหนดไว้ เรายังไม่นิ่งนอนใจและจะขัดต่อไปเพื่อให้เกิดความฝืดให้ได้มากที่สุด นายทศพร กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: