จากกรณี ตำรวจบางแก้ว รวบตีนแมวพร้อมของกลางกว่า 60 รายการ และโพยข้อมูลข้อมูลบ้านเป้าหมาย รวมถึงบ้าน อดีต ผบ.ตร. ล่าสุดนำตัวตีนแมวขึ้นบ้านหรู ไปติดตามทรัพย์สินบางรายการที่ผู้ก่อเหตุนำไปจำนำเอาไว้มาคืนเจ้าของทรัพย์สิน ก่อนจะคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ เจ้าตัวอ้างเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ๆ เจอบ้านไม่มีคนอยู่ เลยปีนเข้าไปขโมยของในบ้านออกมาแล้วนำไปจำนำ ส่วนเงินสดนำไปเข้าธนาคาร ก่อนที่จะมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ส่วนในเรื่องโพย เป็นการพูดคุยกันภายในเรือนจำ และ โพยมันติดมาด้วย โดยบ้านหลังดังกล่าวไม่มีโพยแต่อย่างใด
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ บางแก้ว ได้จับกุมตัว นายบัวหลวง วังคีรี อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์บ้าน อดีตพนักงานธนาคาร ภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จับตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยจับได้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ภายในซอยอุดมสุข กรุงเทพมหานครโดยยึดของกลางกว่า 60 รายการ เป็น ทองแท่ง หนัก 40 บาท นาฬิกาหรู สร้อยคอ เพชร และ ธนบัตรเก่า จำนวนมาก และอื่น ๆ อีกหลายรายการ ก่อนจะพาผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ เบื้องต้น นายบัวหลวง ยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง
คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 ตุลาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.บางแก้ว นำตัว นายบัวหลวง วังคีรี อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์ บ้านอดีตพนักงานธนาคาร ไปติดตามทรัพย์สินบางรายการที่ผู้ก่อเหตุนำไปจำนำเอาไว้มาคืนเจ้าของทรัพย์สิน และจะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ในตอนเย็นวันนี้
พ.ต.อ.มงคล อ่อนแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว เผยว่า หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2565 ช่วงเวลาค่ำ ๆ ผู้เสียหายได้เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ว่าทรัพย์สินถูกขโมยไป เจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.บาแก้ว สืบสวนจังหวัด และ สืบสวน ภ 1 ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เพื่อทำงานร่วมการในการสืบสวนตั้งแต่หลังเกิดเหตุ โดยที่ตรวจหาพยาน หลักฐานในจุดเกิดเหตุ เนื่องจากจุดเกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด ก่อนที่จะติดตามจนสืบทราบว่าใครเป็นผู้เข้ามาลักทรัพย์สินในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งทรัพย์สินที่ได้ไปมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท โดยมี ทองแท่ง หนัก 40 บาท เครื่องเพชร สร้อยเพชร รวมถึง เครื่องประดับต่าง ๆ รวมถึง นาฬิกา รวมแล้วกว่า 60 รายการ หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมผู้ก่อเหตุแล้ว ได้ตรวจค้นที่พักของผู้ต้องหา ได้พบโพยที่มีการาเตรียมการว่าจะไปก่อเหตุที่ไหนบ้าง จากการซักถามผู้ต้องหาทราบว่าโพยดังกล่าวได้เขียนออกมาจากเรือนจำ เมื่อออกมาจากเรือนจำได้ฉีกโพยออกมาด้วย เพื่อเป็นข้อมูล หลังจากที่ออกจากเรือนจำมาช่วงเดือนมกราคม 65 ก็ได้ไปทำงานที่จังหวัดพิษณุโลกกับครอบครัว ก่อนที่จะเข้ามาหางานที่กรุงเทพ ก่อนที่จะมาก่อเหตุดังกล่าว ด้านพฤติกรรมการก่อเหตุ จากการซักถามผู้ต้องหา ทราบว่า ผู้ต้องหาเตร็ดเตร่ไปทั่ว ก่อนสังเกตว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่เปิดไฟ จึงปีนเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว โดยที่ปีนเข้าทางหลังคาหลังบ้าน โดยที่ผู้ต้องหาสังเกตว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิด ก่อนปีนขึ้นไปที่ชั้น 2 ของตัวบ้าน รื้อค้นทรัพย์สินก่อนหลบหนีออกทางหลังบ้าน
ส่วนโพยรายชื่อบ้านบุคคลสำคัญนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะไม่รู้จักทั้งหมดทุกท่าน แต่บ้านบุคคลสำคัญที่เป็นบ้านอดีต ผบ.ตร. นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้เห็นแล้วยังตกใจ เพราะเขียนไว้ค่อนข้างละเอียด ว่าอะไรอย่างไรบ้าง มีทั้งบ้านอาจารย์ที่เกษียณไปแล้ว ที่เขียนไว้ในรายละเอียด และ บ้านต่าง ๆ รวมแล้ว 20 กว่าใบ มีการเขียนรายละเอียดไว้ และ บ้างแผ่นมีการเขียนแผนที่ไว้เลย บ้านหลังนี้อยู่ตรงไหน มียามรักษาความปลอดภัยไหม เหมือนกับได้ข้อมูลมาอย่างละเอียด แต่ผู้ต้องหาได้บอกว่าเขียนมาจากเรือนจำนั้น ตรงนี้เราก็สงสัยว่าข้อมูลดังกล่าวได้มาอย่างไร ส่วนในบ้านผู้เสียหายไม่มีอยู่ในโพย คาดว่า หลังก่อเหตุน่าจะทิ้งโพย เหลือแต่โพยที่ยังไม่ได้ก่อเหตุ ส่วนในเรื่องเครื่องตรวจเพชร ผู้ก่อเหตุน่าจะมีความรู้เรื่องเพชรพอสมควร เนื่องจากในโพยมีการเขียนเรื่องเพชรอยู่ โดยที่สั่งชื่อเครื่องตรวจเพชรมาจากทางลาซาด้า เมื่อ 2 วันก่อน เพื่อนำมาตรวจสอบเพชรที่มีอยู่นี้เป็นเพชรจริงหรือเพชรปลอม ก่อนที่จะนำของไปจำนำ โดยจากการตรวจสอบบัญชีผู้ต้องหา ทั้ง 3 บัญชี พบว่ามีเงินอยู่กว่า 2 ล้านบาท ซึ่งได้มาจากการนำทรัพย์สินไปจำนำ ซึ่งมีการสะสมเงินในการก่อเหตุครั้งนี้อย่างชัดเจน โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะสืบสวนต่อว่าผู้ก่อเหตุไปก่อเหตุที่ไหนบ้าง จากการตรวจสอบเบื้องต้น จากทางผู้ที่หายพบว่าทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของผู้เสียหายทั้งหมดที่เดียว
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 18 ตุลาคม 2565 พนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ได้นำตัว นายบัวหลวง วังคีรี อายุ 48 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านหลังเกิดเหตุ ในหมู่บ้านหรู ย่านตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากที่ทั้งวันทางชุดสืบสวน ได้เดินทางไปติดตามของกลางที่ผู้ต้องหานำไปจำนำไว้ตามที่ต่าง ๆ เพื่อนำมาตรวจสอบ ก่อนที่จะนำคืนผู้เสียหายต่อไป
นายบัวหลวง (ผู้ต้องหา) เล่าว่า ตนเองไม่มีงานทำจึงมาหางานที่กรุงเทพ แต่ก็ไม่ได้งานจนเงินหมด โดยก่อนก่อเหตุได้เดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าหมู่บ้านดังกล่าว ขณะนั้นมีฝนตก จึงทำให้ รปภ. ไม่ได้ตรวจเช็ค จนเดินไปเจอบ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งปิดไฟอยู่ จึงได้ปีนเข้าไปในบ้านทางช่องห้องน้ำ โดยที่พบว่าในบ้านไม่มีใครอยู่ ก่อนเดินหยิบทรัพย์สินภายในบ้าน ก่อนที่จะปีนออกทางหลังหมู่บ้าน โดยที่ทรัพย์สินได้นำไปจำนำไว้ส่วนหนึ่ง และ นำเงินมาเข้าธนาคาร จำนวน 3 บัญชี จำนวน 1.2 ล้านบาท ก่อนที่จะมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ตนเองพึ่งก่อเหตุครั้งแรก และ อยากขอโทษเจ้าของบ้านที่ก่อเหตุลงไป ส่วนในเรื่องโพย เป็นการพูดคุยกันภายในเรือนจำ และ โพยมันติดมาด้วย โดยบ้านหลังดังกล่าวตนเองไม่มีโพยแต่อย่างใด
