ชัยภูมิ – ตระเวนหลอกร้านค้าเสียหายแล้วกว่า 3 แห่ง ตร.บ้านเขว้า เร่งแกะรอยกล้อวงวงจรปิดล่า!
( 25 ต.ค.65 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ ทีมข่าวมีรายงานว่าเกิดมีแบงค์ปลอมออกมาระบาดอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านวังกุ่ม หมู่ที่ 5 ตำบลลุ่มลำชี อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ พบผู้เสียหายเป็นร้านค้าในชุมชนแล้วจำนวน 3 แห่ง/ร้านค้า ซึ่งพบว่ามีการระบาดเข้าในมาในพื้นที่ขณะที่ในช่วงภายในหมู่บ้านจัดงานอุปสมบท มีการออกมารวมกลุ่มคนจำนวนมากมาจับจ่ายในร้านค้าในชุมชนหนาแน่น เมื่อช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ระหว่างที่มีการแห่นาค ประชาชนจำนวนมากในหมู่บ้านได้แวะเวียนเข้ามาซื้อของภายในร้านในหมู่บ้านดังกล่าวจำนวนมาก
และพบว่ามีการนำธนบัตรใบละ 1,000 บาท หรือ แบงค์พันปลอมจำนวน 7 ใบ เข้ามาใช้ซื้อของตามร้านค้าต่างๆในหมู่บ้านดังกล่าวหลายแห่ง ก่อนที่วันนี้ทางเจ้าของร้านค้าที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้นแล้วรวม 3 แห่ง/ร้านค้า ได้พากันเดินทางเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเขว้า
ข่าวน่าสนใจ:
- คึกคักกว่าทุกปีสุดยอดงานสืบสานประเพณีตีคลีไฟหนึ่งเดียวในโลก!
- บ้านใหญ่พรรคเพื่อไทยเชียงราย เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.พร้อมกับนำทีมผู้สมัคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ทั้ง 36 เขต ในนามพรรคเพื่อไทย
- ชัยภูมิชาวโนนทองสืบสานประเพณีนอนลานตีข้าวเปิดลานศูนย์รวมสุดยอดสินค้าอาหารพื้นบ้านไทยส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 68 คึกคักกว่าทุกปี!
ทีมข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ และได้รับข้อมูลจากผู้ใหญ่บ้านวังกุ่ม หมู่ที่ 5 ตำบลลุ่มลำชี อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ ว่าเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ภายในหมู่บ้านได้มีการจัดงานอุปสมบท และมีประชาชนทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก หลังจากเสร็จงานได้ไม่นานก็ได้รับแจ้งจากทางร้านค้าว่าระหว่างขณะที่มีการแห่นาคในหมู่บ้าน ผู้คนที่เข้าไปซื้อของภายในร้านจำนวนมาก และมีผู้ต้องสงสัยใช้ธนบัตร หรือ แบงค์พันปลอมเข้ามาซื้อของ เบื้องต้นมีร้านค้าได้รับความเสียหายจากการใช้แบงค์พันปลอมเข้ามาซื้อของจำนวน 3 ร้านค้า รวมเป็นเงินมูลค่าความเสียหายรวม 7,000 บาท
และทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 30 ม.5 บ้านวังกุ่ม ที่เปิดเป็นร้านค้าชื่อ นารอน มินิมาร์ท พบกับนางดาวเรือง ข้องนอก อายุ 46 ปี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 23 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ขณะที่ขบวนแห่นาค ทำการแห่นาคอยู่นั้น ได้มีกลุ่มชาวบ้านเข้ามาซื้อของเป็นจำนวนมาก ซึ่งในขณะนั้นตนเองและผู้เป็นแม่รวมถึงลูกสาวก็ช่วยกันขายของ จนกระทั่งเวลาผ่านไป ในช่วงเย็น ในวันเดียวกันตนเองเห็นว่าของในร้านได้ขายออกไปเป็นจำนวนมากจึงเดินทางไปที่ร้านขายส่งเพื่อซื้อของมาเพิ่ม หลังจากนั้นไม่นานช่วงเวลาค่ำทางร้านขายส่งที่ตนนั้นไปซื้อของมา ได้โทรศัพท์กลับมาบอกว่าเงินที่ตนเอาไปจ่ายค่าสินค้า มีแบงค์พันปลอมติดไปจำนวน 3 ใบ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพบว่าเป็นธนบัตรแบงค์พันปลอม หมายเลข 3G7003970 เหมือนกันทั้ง 3 ใบจริง จึงเดินทางกลับมาตรวจสอบเพิ่มเติมที่ร้านพบว่ามีธนบัตรแบงค์พันปลอมอีก 1 ใบที่เป็นหมายเลขธนบัตรเดียวกัน รวมเป็นเงิน 4,000 บาทที่ทางร้านได้รับมา จากนั้นจึงทำการสอบถามร้านค้าภายในหมู่บ้าน ก็พบว่ามีร้านค้าภายในหมู่บ้านอีก 2 ร้าน ที่ได้รับแบงค์พันปลอม อีกจำนวน 3 ใบ หรือ 3,000 บาท ด้วยเช่นกัน
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้าน พบกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่นำเงินธนบัตรแบงค์พันปลอมเข้ามาซื้อของภายในร้าน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และได้โพสต์ลงโซเชียลเพื่อแจ้งเตือนภัยต่อร้านค้าร้านอื่นๆให้ระวังให้มากขึ้นด้วย
ผู้สื่อข่าวยังได้พบกับผู้เสียหายเจ้าของร้านค้าอีก 2 ร้านค้า ซึ่งก็ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวไปในทิศทางเดียวกันว่าได้รับธนบัตรแบงค์พันปลอม จากกลุ่มคนที่สงสัยและอยู่ในภาพกล้องวงจรปิดเป็นลักษณะกลุ่มบุคคลเดียวกัน จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บ้านเขว้า เพื่อเร่งทำการติดตามตัวผู้ที่นำธนบัตรปลอมมาซื้อของภายในร้านเพื่อไม่ให้ร้านค้าอื่นๆตกเป็นเหยื่ออีก
ซึ่งทั้งคุณตาณรงค์ อายุ 59 ปี เจ้าของร้านค้าที่ได้รับแบงค์พันปลอมมาซื้อของในร้านตนเองอีกแห่ง จำนวน 1 ใบ จากลูกค้าที่คุณตายืนยันว่า เป็นกลุ่มคนที่เข้ามาซื้อของในร้านมินิมาร์ท ของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งจริง ที่คุณตายืนยันและมั่นใจว่าเป็นกลุ่มคนเดียวกัน เพราะเมื่อวันที่เกิดเหตุทั้งวันได้รับเงินซื้อของจากลูกค้าเป็นแบงค์พันมาเพียงแค่ 2 ใบ ใบแรกได้มาจากบุคคลภายในหมู่บ้านที่รู้จักมักคุ้นกันดี แต่อีก 1 ใบซึ่งพบว่าเป็นแบงค์ปลอม ได้มาจากบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพจากกล้องวงจรปิด ที่เข้ามาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน
ล่าสุดด้าน พ.ต.อ.อนุภาพ ผิวอ่อน ผกก.สภ.บ้านเขว้า ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูลเพิ่มเติมและเก็บข้อมูลหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อเร่งดำเนินการติดตามตัวผู้ที่กระทำความผิดนำแบงค์ปลอม ออกมาใช้จ่ายซื้อของจำนวนมากในพื้นที่ครั้งนี้รวมถึง 7 ใบ หรือ 7,000 บาท ที่มีผู้เสียหายแล้ว 3 ร้านค้าในพื้นที่ในครั้งนี้ให้ได้โดยเร็วต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: