ผู้การฯตรัง เข้มตำรวจปืนโหด”ไล่ออกจากราชการ”ไว้ก่อน สั่งตำรวจทุกโรงพักให้กวดขันตำรวจพกพาอาวุธปืนเข้าร้านอาหารหรือสถานบันเทิง สจ.ตรัง เรียกร้องจริงจังกับการแก้ปัญหา หากตร.เชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืน ขาดสติ ก่อเหตุร้ายแล้วประชาชนจะรู้สึกปลอดภัยได้อย่างไร
วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เวลา 12.10 น ที่ สถานบริการ ร้านคันทรี่โฮม ม.4 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรตรัง พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาคม บัวทอง รองผบก.และพ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผกก.สภ.เมืองตรัง เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุที่ร้านคนทรี่โฮม ดูที่โต๊ะของตำรวจและเพื่อน โต๊ะของผู้ตายและเพื่อน โดยที่ผู้การฯได้ซักถามกับพ.ต.อ.อาคม บัวทอง รองผบก.รายงานว่า ตำรวจที่ก่อเหตุชื่อ จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้วหรือจ่าเบิดส์ มานั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนตำรวจ ส่วนคนเจ็บและตายมาด้วยกัน 3 คน ในการสืบสวน จ่าเบิดส์ มีผู้หญิงคนหนึ่งแล้วเลิกรากันไป แล้วมาเป็นแฟนกับนายจิตรกร คงจันทร์ (ผู้ตาย) อาจจะมาจากสาเหตุนี่ก็เป็นไปได้ที่ทำให้มีการทะเลาะถึงขั้นยิงกันเสียชีวิต และพ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผกก.ส.ภ.เมืองตรัง ซึ่งเข้ามายังสถานที่เกิดเหตุเมื่อคืนรายงานว่า ทางตำรวจสภ.เมืองตรังเข้ามาตรวจคืนละ 2 ครั้ง คันทรีโฮมไม่เปิดเกินเวลา หุ้นส่วนซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกกับ ผู้การฯว่า “จ่าเบิดส์เป็นคนนิสัยดีมาก ก่อนหน้านี่เคยเป็น”การ์ด”ของทางร้านเพิ่งลาออกไป แต่เมื่อคืนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นถึงห้ามไม่อยู่และเกิดเหตุเร็วมากจนถึงขั้นยิงกันตาย
พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรตรัง กล่าวว่า “จากการตรวจที่เกิดเหตุและการสืบสอนสอบสวนว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ตนเองจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ขณะนี้ไม่ทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ที่ไหน ทางตำรวจได้เชิญคุณแม่และภรรยาของผู้ต้องหามาพูดคุยแล้ว ยังไม่ชัดเจนอยู่ระหว่างตรวจสอบ หลังก่อเหตุ จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้วหรือจ่าเบิดส์ เข้าไปเอาอาวุธปืนยาวและเสื้อเกราะออกไปด้วยเพื่อทำการหลบหนี เบื้องต้นตามระเบียบและวินัย “ต้องไล่ออกจากราชการไว้ก่อน”ขณะนี้สั่งการให้ทางตำรวจดำเนินการไปแล้ว ที่ผ่านมาสถานบริการก็กวดขันอาวุธปืนอยู่แล้ว โดยตำรวจร่วมกับทางร้าน หลังร้านปิดบริการก็กวดขันอีกรอบ ตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาฝ่าฝืนนำอาวุธปืนติดต่อเข้ามา ตำรวจทำผิดกฎหมายเราก็ดำเนินคดีอยู่แล้ว ตนจะออกคำสั่งไปทุก สภ.เพื่อให้ตำรวจทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งไม่นำอาวุธปืนเข้ามาในสถานบริการ”
ส่วนที่วัดนาประหลาด อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่จัดตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายจิตรกร คงจันทร์ ญาติพี่น้องเพื่อนบ้านมาร่วมงานศพเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางพ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผกก.สภ.เมืองตรัง ได้มาพบกับญาติผู้เสียชีวิตและให้คำมั่นว่าจะต้องดำเนินคดีตรงไปตรงมา ตำรวจทำผิดก็ต้องดำเนินคดีสำหรับจ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้วหรือจ่าเบิดส์ เป็นตำรวจชุดปฎิบัติการพิเศษของตำรวจภูธรจังหวัดตรังหรือที่มีชื่อเรียกว่าS.W.A.T
ด้านนายวิรัตน์ รักนาย ส.อบจ.ตรัง กล่าวว่า ตนกับผู้ตาย คือ นายจิตกร คงจันทร์หรือขาว มีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน เมื่อทราบว่านายจิตกร ถูกยิงเสียชีวิตก็รีบไปดูในที่เกิดเหตุทันทีตั้งแต่เมื่อคืน สิ่งที่ตนทราบจากการสืบด้วยตัวเอง ทราบว่าจ่าเบิร์ด ผู้ก่อเหตุทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยที่สถานบันเทิงแห่งนี้ด้วย แต่วันเกิดเหตุจ่าเบอร์ดไม่ได้ไปทำหน้าที่เจ้าหน้าที่รักษาความสงบ แต่ไปกินดื่มในฐานะนักเที่ยว ซึ่งตนคิดว่าที่จ่าเบิร์ดนำปืนเข้าไปในร้านได้ เพราะมีความคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่ของสถานบันเทิง สิ่งที่ตนสนใจเรื่องนี้ คือเมื่อตำรวจนำปืนเข้าสถานบันเทิง ได้โดยไม่เคารพกฎ และผู้ก่อเหตุยังมีความชำนาญเรื่องการใช้อาวุธ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง(S.W.A.T) ตำรวจภูธรจ.ตรัง เหตุใดจึงก่อเหตุยิงแบบไม่ยั้ง หากตร.ขาดสติแบบนี้ ประชาชนจะปลอดภัยได้อย่างไร ที่ผ่านมามีเหตุการที่
คนในเครื่องแบบก่อเหตุในสถานบันเทิง ในที่ชุมชน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างมากมาย หลังจากนี้ควรมีมาตรฐานมาควบคุมให้เด็ดขาด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: