ชัยภูมิ – ระหว่างเดินทางมาตรวจราชการที่ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเผยบนเวทีตัวเองก็มีมารดาเป็นชาวชัยภูมิโดยกำเนิดและก็ยังถือว่าตนเองก็คือลูกหลานชาวชัยภูมิด้วยเช่นกัน ด้านชาวบ้านในพื้นที่สุดดีใจที่ทนรอการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำสะพุงมานานกว่า 36 ปี มาถึงวันนี้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ทำให้สำเร็จได้ แห่ต้อนรับนับหมื่นคน เผยอยากให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีสานงานต่อไป โดยเฉพาะปัญหาชาวภาคอีสาน และจ.ชัยภูมิ มีปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรมายาวนาน รวมทั้งอยากให้รัฐบาลนักการเมืองหรือนาpกรัฐมนตรีคนต่อไปให้ความสำคัญในเรื่องการจัดการน้ำ และที่ดินทำกิน รวมทั้งราคาพืชผลการเกษตร ให้มีราคาให้มากขึ้นเป็นหลักด้วย!
( 3 ธ.ค.61 ) ขณะที่จ.ชัยภูมิ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดชัยภูมิ ในครั้งนี้ รวม 2 จุดหลัก
โดยในช่วงเช้าเวลา 10.30 น. เป็นการเดินทางไปเปิดตัวโครงการอ่างเก็บน้ำลำสะพุง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ ครม.อนุมัติงบประมาณดำเนินการก่อสร้างรวมกว่า 3,200 ล้านบาท ซึ่งโครงการก่อสร้างเก็บน้ำลำสะพุง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ เกิดจากความต้องการของประชาชนมานานกว่า 36 ปี ที่ตั้งโครงการบ้านนาเจริญ ตำบลหนองแวง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ โดยในปี พ.ศ.2536 ราษฎรอำเภอหนองบัวแดง ได้ถวายฎีกาเพื่อให้ก่อสร้างโครงการ และในปี พ.ศ.2560 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริถึง 4 ปี คือปี 2525, 2526, 2536 และปีที่ 4 ปี 2540 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สนองแนวพระราชดำริมาตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา
หลังจากรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์น้ำของชาติ เพื่อเร่งรัด ติดตาม ดำเนินโครงการต่างๆที่มีปัญหาให้สามารถเดินต่อไปได้ เริ่มวางยุทธศาสตร์มาตั้งแต่ปี 2558 จนเกิดการศึกษารายละเอียด จนในที่สุดได้ปรับแบบการก่อสร้าง โดยลดพื้นที่ของป่าในเขตพื้นที่ที่มีป่าอุดมสมบูรณ์ลงจาก 2,100 ไร่ เหลือ 354 ไร่ และถอยร่นจุดที่จะก่อสร้างลงมาจากเดิม 3 กิโลเมตร ซึ่งจุดใหม่นี้ส่วนมากเป็นที่ สปก. ตรงนี้สามารถแก้ปัญหาติดขัดมา 36 กว่าปีได้แล้ว
โดยอ่างใหม่นี้สามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม จาก 32 ล้าน เป็น 47 ล้านลูกบาศก์เมตร ถือเป็นความสำเร็จของทุกฝ่ายที่ได้เสียสละที่ดิน จนเดินหน้าโครงการต่อไปได้ โดย ครม.ได้เห็นชอบและอนุมัติโครงการก่อสร้างแล้วเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 โดยจะก่อสร้างเป็นเขื่อนเก็บน้ำ ความสูง 36 เมตร ความยาว 2,270 เมตร ความจุ 48.13 ล้าน ลบ.เมตร และมีถนนรอบอ่าง ความยาว 2,914 เมตร พื้นที่เก็บน้ำในอ่าง 3,134 ไร่ พื้นที่หัวงานอาคารประกอบ 1,079 ไร่ รวมประมาณ 4,213 ไร่ ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี ตั้งแต่ปี 2561 – 2566 งบประมาณ 2,965 ล้านบาท ผลประโยชน์สามารถส่งน้ำให้พื้นที่รับประโยชน์ ในฤดูฝน 4 หมื่นไร่ ฤดูแล้ง 8 พันไร่ และส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้อีกประมาณ 2.16 ล้าน ลบ.ม./ปี ซึ่งจะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำลำสะพุง รวมไปถึงพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเป็นแหล่งเก็บน้ำให้กับราษฎรเพื่อการอุปโภค บริโภคในตำบลหนองแวง ตำบลหนองบัวแดง ประมาณ 29,960 ราย
ซึ่งการเดินหน้าก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำลำสะพุงเกิดขึ้นที่ จ.ชัยภูมิ ได้ครั้งนี้ ต่างสร้างความดีใจให้กับประชาชนชาวอำเภอหนองบัวแดง ที่พากันเดินทางมาร่วมต้อนรับพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ร่วมนับหมื่นคน
โดยพลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวบนเวทีด้วยว่า ครั้งนี้รัฐบาลตั้งใจที่จะทำหน้าที่ให้กับประชาชนทุกพื้นที่อย่างเต็มที่ และในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนี้ก็อยากให้เกิดความเรียบร้อยไปด้วยดี และการร่วมแรงรวมใจของชาวไทยทั้งชาติที่จะมีพิธีสำคัญคือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ซึ่งในส่วนตนเองที่เดินทางมาที่ จ.ชัยภูมิ ครั้งนี้ ต้องถือว่าตนเองก็เป็นคนชัยภูมิด้วยเช่นกัน เพราะบิดาที่สมัยปฏิบัติราชการทหารอยู่ที่โคราช หรือ จ.นครราชสีมา ก็มาได้มารักกับแม่ ซึ่งเป็นชาว จ.ชัยภูมิ ตนเองก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่จ.ชัยภูมิ บ้านเกิดคุณแม่ด้วย ถึงมีนายกฯที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ มาได้ทุกวันนี้ด้วยเช่นกัน
ทำให้บรรยากาศในงาน ประชาชนที่มาร่วมงานที่เพิ่งทราบว่าพลเอกประยุทธ์มีมารดาเป็นชาวชัยภูมิ ต่างดีใจพากันปรบมือทั่วบริเวณงาน ก่อนที่พลเอกประยุทธ์ จะลงเวทีเดินพบปะประชาชนและไปขึ้นรถไถ เพื่อไถหน้าดินเปิดงานหน้าโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำสะพุงอย่างเป็นทางการ ก่อนเดินทางต่อไปอีกจุดที่ 2
ในเวลาประมาณ 15.00 น.เศษวันเดียวกัน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเปิดฝายตัวที่ 111 เปิดระบบกระจายน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ปลูกต้นไม้ ตามโครงการป่ารักษ์น้ำโล่ใหญ่ชัยภูมิ บริเวณป่าโล่ใหญ่ ใกล้กับบ้านวังโพน ต.ท่าหินโงม อ.เมืองชัยภูมิ ในเขตอุทยานแห่งชาติตาดโตน เป็นโครงการโมเดลต้นแบบของจังหวัด โดยการนำของนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ในการหล่อหลอมดวงใจชาวชัยภูมิและชาวไทยทั้งประเทศ เสียสละกำลังกาย กำลังทรัพย์ เพื่อการสร้างน้ำ สร้างป่า ฟื้นภูเขาหัวโล้นให้คืนความสมบูรณ์ โดยน้อมนำพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร การปลูกป่าในใจคน โดยการปลูกป่าหลากสี พระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์พระบรมราชีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เรื่องพระเจ้าอยู่หัวเป็นป่าฉันจะเป็นน้ำ โดยการสร้างฝายมีชีวิต และพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เรื่องจิตอาสาเราทำดีด้วยหัวใจ มาเป็นแนวทางในการทำงาน ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาดโตน จ.ชัยภูมิ บนเทือกเขาภูแลนคา
ใกล้กับบ้านวังโพน ตำบลท่าหินโหม อำเภอเมืองชัยภูมิ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 900 เมตร เพื่อช่วยกันฟื้นคืนธรรมชาติป่าต้นน้ำโล่ใหญ่ชัยภูมิ ให้ฟื้นคืนกลับคืนมาสร้างความอุดมสมบูรณ์ของป่า ให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลปลูกป่า สร้างฝายน้ำล้น สร้างผืนป่าซับน้ำ ในพื้นที่ให้เกิดเป็นภูเขาป่าหลากสี มีพันธุ์ไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นสีต่างๆทั้งเหลือง แดง ส้ม ม่วง และได้เป็นต้นแบบให้เป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้ตามโทนสีต่าง ๆ ตามมา ในแต่ละฤดูกาล และคาดว่าจะนำไปสู่การเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวศึกษาชมพันธุ์ไม้ธรรมชาติเป็นศูนย์เพาะพันธุ์พืชพันธุ์ไม้ป่าหายากตามมาในอนาคตต่อไปได้ด้วยดี ที่มีเป้าหมายต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10 ปีให้เป็นแลนด์มาร์กการท่องเที่ยวแห่งใหม่ให้คนรุ่นหลัง และเพิ่มพื้นที่สีเขียว คืนความสมบูรณ์ให้กับป่าเขาหัวโล้นในพื้นที่แห่งนี้ โดยปลูกป่าไปแล้ว 70,000 กว่าไร่ ต้นไม้ที่ปลูกทั้งสิ้น 296,000 ต้น สร้างฝ่ายชีวิตไปแล้วจำนวน 110 ฝ่ายนี้ ก่อนที่พลเอกประยุทธ์จะเดินทางกลับในเย็นวันเดียวกัน
ขณะที่ นายทองคูณ นาจะหมื่น อายุ 62 ปี ชาวบ้านหนองจิกพัฒนา หมู่ 17 ต.นางแดด อ.หนองบัวแดง และนายเสถียร นาคทน อายุ 67 ปี ชาวบ้านราชดำเนิน ต.หนองแวง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ในครั้งนี้ชาวบ้านในพื้นที่หนองบัวแดง และชาวชัยภูมิ ที่มาวันนี้สุดดีใจที่ทนรอการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำสะพุงมานานกว่า 36 ปี มาถึงวันนี้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ทำให้สำเร็จได้ และอยากให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีสานงานต่อไปในการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย โดยเฉพาะปัญหาชาวอีสาน และจ.ชัยภูมิ มีปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรมายาวนาน รวมทั้งอยากให้รัฐบาล นักการเมือง หรือนายกรัฐมนตรีคนต่อไปให้ความสำคัญในเรื่องการจัดการน้ำ และที่ดินทำกิน รวมทั้งราคาพืชผลการเกษตร ให้มีราคาให้มากขึ้นเป็นหลักนโยบายสำคัญให้กับชาวอีสานด้วย
