กรุงเทพฯ – โฆษกรัฐบาล เผย ไทยเตรียมผลักดัน เขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) ในการประชุมเอเปค เพื่อเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขจัดอุปสรรคทางการค้า หนุนการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน นำไปสู่การเจรจาลดภาษีรายสินค้าระหว่างสมาชิก
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในการประชุมเอเปควันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2565 จะมีการประชุมประเด็น เขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก หรือ Free Trade Area of the Asia-Pacific (FTAAP) ซึ่งรัฐบาลได้ร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ครอบคลุมประเด็นสำคัญ 47 หัวข้อ แบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ
1.การเปิดกว้างต่อทุกโอกาส
2.การเชื่อมโยงในทุกมิติ
3.ความสมดุลในทุกด้านในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ FTAAP
โดยไทยจะเสนอแผนงานขับเคลื่อน FTAAP ซึ่งได้รวบรวมประเด็นที่สมาชิกเอเปคสนใจร่วมกัน ทั้งการค้าดั้งเดิม การค้าใหม่ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตั้งเป้าหมาย FTAAP เพื่อขยายการค้าการลงทุนภายในเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งลดอุปสรรคการค้าการลงทุนที่ไม่จำเป็น เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสมาชิกเอเปค และลดช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน
ข่าวน่าสนใจ:
- ทีดีอาร์ไอ จัดเวิร์คชอป “ CONTENT CREATOR WORKSHOP: SYNERGY FOR CLEAN ENERGY”
- ตรัง ราคายางดิ่งกว่า 20 บาทต่อกิโลกรัม กยท.หนุนสถาบันทำโครงการชะลอยางสู้นายทุน
- ททท. จัดงานใหญ่ "วิจิตรเจ้าพระยา 2024" สวยงามตระการตา กระตุ้นการท่องเที่ยวส่งท้ายปีนี้
- ททท.เชิญชม แสง สี สวยงามอลังการ “VIJIT CHAO PHRAYA 2024” วันนี้-15 ธค. ฟรี
ปัจจุบัน กำลังทำแผนงาน FTAAP ระยะ 4 ปี (2566-2569) ที่มุ่งสู่การจัดทำ FTAAP เพื่อตอบสนองสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ด้านการค้า การลงทุน นวัตกรรม การเข้าสู่ยุคดิจิทัล
“รัฐบาลได้พยายามชูประเด็น เพื่อหารือการขับเคลื่อน FTAAP หวังให้เป็นเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะขจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ และหนุนการเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในกลุ่มสมาชิก เพื่อนำไปสู่การเจรจาการลดภาษีระหว่างกลุ่มเอเปคเป็นรายสินค้าได้มากขึ้น ในโอกาสนี้ เชื่อมั่นว่า จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตหลายมิติ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งการผลักดัน FTAAP จะเป็นโอกาสที่ภาคธุรกิจสามารถขยายตัว โดยที่อุปสรรคทางการค้าลดลง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น” นายอนุชา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: