เชียงราย-ปลัดอาวุโสเชียงแสนแจงกรณีชูวิทย์แฉ “ขบวนการจีนเทาอุ้มท้องซื้อพ่อ” ยันยังไม่เคยพบในพื้นที่!
วันที่ 15 ธ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวติดตามกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาให้ข้อมูลว่ามี “ขบวนการจีนเทา” ใช้วิธีใช้สามีภรรยาชาวจีนที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ให้เข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย และใข้เงินว่าจ้างชายไทยให้รับเป็นพ่อของเด็ก เพื่อต้องการให้ลูกที่เกิดมาได้สิทธิ์เป็นคนไทยโดยกำเนิด และเด็กที่เกิดมาสามารถมีบัตรประชนเมื่ออายุ 7 ขวบ และเมื่ออายุ 13 ปี สามารถทำธุรกรรมทางกฏหมายได้ โดยนายชูวิทย์ได้เรียกขบวนการดังกล่าวว่า “อุ้มท้องซื้อพ่อ” โดยชี้เป้าว่ามีการทำกรณีดังกล่าวเยอะในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
ในกรณีนี้ นายประเสริฐ แก้วขาว ปลัดอาวุโสอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า กรณีข่าวที่นายชูวิทย์ได้ออกมาแฉว่ามีขบวนการจีนเทาได้เข้ามาซื้อตัวชายไทยเพื่อให้รับเป็นพ่อของเด็กชาวจีนที่จะเข้ามาคลอดในฝั่งไทยนั้น ตั้งแต่ช่วงที่ตนเข้ามาทำงานที่ อ.เชียงแสน ยังไม่เคยพบเจอกรณีดังกล่าวมาก่อน แต่ในกระบวนการแจ้งเกิดนั้น ทางสำนักงานทะเบียนอำเภอมีหน้าที่รับแจ้งเกิดให้กับทุกคนที่เกิดในประเทศไทย ไม่ได้มีข้อห้ามว่าต้องรับแจ้งเกิดแค่คนไทยเท่านั้น ทุกคนที่เกิดในประเทศไทยมีสิทธิ์ที่จะแจ้งเกิดหมดทุกคน เช่น ถ้ากรณีที่มีเอกสารรับรองการเกิด หรือ ทร.1/1 ที่ทาง รพ. เป็นผู้ออกให้ มีชื่อมารดาเป็นชาวต่างด้าว แต่มีชื่อบิดาเป็นชาวไทย เด็กคนนั้นก็ต้องมีสัญชาติไทยโดยกำเนิด แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าชื่อบิดาตามเอกสาร ทร.1/1 ที่ รพ.ออกให้นั้นเป็นบิดาจริงหรือไม่ ก็ต้องอยู่ที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องตรวจพิสูจน์ว่ามีเอกสารครบไหม และมีความน่าเชื่อถือว่าเป็นบุคคลตามที่อ้างอิงตามเอกสารหรือไม่ ถ้าเชื่อว่าเข้าเป็นเจ้าของรายการตามเอกสาร ทร.1/1 ก็ต้องแจ้งเกิดให้เขา ส่วนเราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเป็นพ่อจริงหรือเปล่า อันนี้เป็นเรื่องที่ยากจะพิสูจน์ เพราะเขามีการแจ้งมาตั้งแต่ รพ.แล้ว ว่าบุคคลตามเอกสารเป็นบิดา เว้นแต่ว่า จนท.จะมีเหตุผิดปกติชวนสงสัยว่าจะเป็นการแจ้งเท็จ โดยอ้างว่าคนไทยเป็นบิดา ถ้าตรวจสอบพบเราจะไม่รับแจ้งการเกิด ในกระบวนการทำงานอาจจะมีการผิดพลาดในการตรวจสอบและหลุดรอดการตรวจสอบบ้าง แต่ที่สำนักงานทะเบียนอำเภอเชียงแสนไม่เคยมีเหตุการณ์ดังที่มีการออกมาแฉแต่อย่างได
“การได้สัญชาติไทยโดยการเกิด มี 2 กรณีใหญ่ๆ ได้แก่ กรณีแรกก็คือการได้รับสัญชาติตามสายโลหิต กล่าวคือเด็กที่เกิดมีพ่อหรือแม่เป็นคนไทย ไม่ว่าเด็กจะเกิดที่ไหนในโลก เขาก็จะได้รับสัญชาติไทยตามหลักสายโลหิต กรณีที่ 2 คือการได้รับสัญชาติไทยตามหลักดินแดน กล่าวคือคนที่เกิดในประเทศไทยทุกคนก็จะได้สัญชาติไทยเช่นกัน แต่การที่จะได้ก็ต้องดูว่าพ่อแม่ของเด็กเป็นใคร เช่น พ่อแม่เป็นแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย และมาคลอดลูกในระหว่างที่มาทำงานในไทย เด็กคนนั้นก็จะได้รับการแจ้งเกิด แต่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยจนกว่าเด็กคนนั้นจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เขาก็จะสามารถยื่นขอสัญชาติไทยได้ตามมาตรา 7 (ทวิ) กรณีนี้พ่อและแม่ไม่ได้สัญชาติไทย แต่เด็กที่เกิดมาจะได้สัญชาติไทยตามหลักดินแดน สำหรับประเด็นที่บอกว่ามีการอุ้มท้องมาซื้อพ่อ คิดว่าเป็นกรณีที่ผู้หญิงอุ้มท้องมาเกิดในประเทศไทย โดยมาว่าจ้างให้คนไทยรับเป็นพ่อในกระบวนการแจ้งเกิด ซึ่งตามหลักฐานการแจ้งเกิดจะระบุว่าบิดาเป็นคนไทย แสดงว่าเด็กที่เกิดจะได้สัญชาติไทยตามหลักสายโลหิต” ปลัดอาวุโส อ.เชียงแสน กล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
ด้านนางจันทร์ออน กับปะหะ ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายทะเบียนราษฎร อ.เชียงแสน เผยว่า ตั้งแต่มาปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักทะเบียน อ.เชียงแสน ยังไม่เคยได้รับแจ้งว่ามีกรณีที่ผู้หญิงชาวจีนมาแจ้งเกิดโดยมีบิดาของเด็กเป็นชาวไทย ส่วนใหญ่จะพบในกรณีหญิงสัญชาติลาวที่มีสามีชาวไทย ซึ่งมีการอยู่กินเป็นสามีภรรยากันจริง หรือคู่สามีภรรยาที่ฝ่ายหนึ่งเป็นต่างด้าวหรือถือบัตรหัว 0 ก็จะพบได้มากเช่นกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: