ยายเมาหนักกลับมาเข้าบ้านไม่ได้ โวยวายและด่าทอคนงาน ซึ่งอยู่กับหลานสาวซึ่งเป็นลูกของนายจ้างภายในบ้าน โดยนายจ้างได้สั่งให้ล็อกบ้านไว้เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากยายซึ่งเป็นแม่ของนายจ้าง พอเปิดประตูออกมายายได้มาอุ้มหลานออกไป ส่วนคนงานเพื่อที่จะเลี่ยงการปะทะจึงได้เดินออกมาจากบ้านพักเพื่อที่จะไปรอนายจ้างที่ด้านนอก แต่ขณะนั้นยายได้ทำหลานตกลงไปในคลอง ก่อนที่ยายจะกระโดดลงไปช่วยว่ายไปอีกฝั่ง แล้ววิ่งถือมีดมาไล่ฟันคนงานจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะหนีกลับไปที่บ้านพักจนตำรวจมาถึง
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีผู้ถูกแทงด้วยของมีคมได้รับบาดเจ็บ และมีเด็กพลัดตกน้ำ บริเวณสะพานข้ามคลองโอ่งแตก ถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ขาออก ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันและปราบปราม กำนันตำบลบางโฉลง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ข่าวน่าสนใจ:
- หนุ่มวัย 30 ขับกระบะหาห้องพัก เฉี่ยวชนกับรถมอไซค์ จึงจอดลงไปเคลียร์ ถูกกระบะตู้เย็นชนดับคาที่
- ถนนคนเดิน Stone Street บ้านไร่แห่งใหม่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจฟื้นฟูเศรษฐกิจ
- ชัยภูมิฮือฮาจัดแข่งกีฬาสีโรงเรียนนำช้างโชว์ความแสนรู้เตะฟุตบอล!
- ตรัง สับปะรดทอด-ข้าวเม่าทอด ดาวเด่นประจำร้านสมพร รสชาติอร่อย ราคาเป็นกันเอง
บนสะพานข้ามคลองบริเวณทางลงไปชุมชน พบนายวีระพงศ์ วงษ์มา อายุ 35 ปี นั่งอยู่กับพื้น มีแผลถูกฟันด้วยของมีคมที่ลำคอ และแผลแทงที่ฝ่ามือซ้าย เจ้าหน้าที่มูลนิธิให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ใกล้กันพบพลเมืองดีอุ้มเด็กหญิงวัยขวบเศษตัวเย็น ที่ตกลงไปในคลอง เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงทำการตรวจสภาพร่างกาย ก่อนจะเร่งนำทั้งสองส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง เนื่องจากเกรงว่าเด็กจะกินน้ำในคลองเข้าไป
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังไปควบคุมตัวยายของเด็กหญิงดังกล่าวที่บ้านพักไม่ไกล เนื้อตัวมอมแมมและเปียกน้ำ อยู่ในอาการเมาสุราอย่างหนัก โดยเจ้าตัวได้ให้การยอมรับว่าก่อเหตุแทงนายวีระพงศ์ จริง ซึ่งตนเองจะลงมือฆ่านายวีระพงศ์ให้ตายด้วยซ้ำ โดยอ้างว่านายวีระพงศ์เตะตนเองกับหลานตกน้ำ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวไป สภ.บางพลี
ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่หน้าบ้านหลังที่เกิดเหตุ สามารถจับภาพนาทีเด็กหญิงพลัดตกคลองได้ชัดเจน ซึ่งก่อนเกิดเหตุพบว่าหลังจากที่ผู้ก่อเหตุกลับมาถึงบ้านพักก็มีการด่าทอและโวยวายใส่ผู้บาดเจ็บจนกระทั่งผู้บาดเจ็บเดินออกจากบ้านไป โดยที่ผู้ก่อเหตุได้อุ้มหลานสาวไว้ที่เอว ก่อนจะเดินกลับมาหามีดทำครัวเพื่อหวังออกไปทำร้ายคนเจ็บ แต่ด้วยความที่เมาอย่างหนัก ทำให้จังหวะที่เธอเดินอุ้มหลานออกจากบ้านเกิดผลัดตกทางเท้าริมคลงอทำให้หลานที่อุ้มอยู่ในมือกระเด็นตกลงไปในคลอง เธอจึงรีบกระโดดลงคลองตามไปอุ้มหลานไว้ได้ทันก่อนจะพาว่ายน้ำข้ามฝั่งไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านฝั่งตรงข้ามจนช่วยเด็กไว้ได้อย่างปลอดภัย
จากการสอบถามนายวีระพงศ์ ผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ตนเองเป็นลูกจ้างของบ้านหลังดังกล่าว โดยช่วงเย็นที่ผ่านมา แม่ของนายจ้างได้ออกมากินเหล้าจนเมา และโวยวายอาละวาด ด้านนายจ้างจึงสั่งให้ตนเองดูแลลูกสาวไว้โดยปิดบ้านล็อกเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากยาย (ผู้ก่อเหตุ) ตนจึงปิดประตูล็อกและอยู่กับหลานในบ้าน จนผู้ก่อเหตุกลับมาจากกินเหล้า พอมาถึงก็ตะโกนโวยวายและด่าทอ อีกทั้งจะให้เปิดประตู แต่ตนเองหวั่นความปลอดภัยจึงยังไม่เปิดกระทั่งพอเปิดประตูออกมาผู้ก่อเหตุจึงเข้ามาอุ้มหลาน ส่วนตนเองก็เลี่ยงการปะทะจึงเดินออกมาจากบ้านพักกะจะมานั่งรอนายจ้างที่สะพานริมถนน จนกะทั่งผู้ก่อเหตุเดินตามตนเองมาด้านหลังจากนั้นเอามีดทำครัวฟันที่คอตนเองแล้วเกิดการยื้อแย้งมีดกันจนถูกแทงซ้ำที่มือ ตนเองจึงวิ่งหนีตาย จนมีชาวบ้านมาช่วย ส่วนหลานสาวในขณะนั้นไม่เห็นผู้ก่อเหตุอุ้มอยู่ และทราบว่าหลานตกคลองแต่มีชาวบ้านฝั่งตรงข้ามช่วยหลานสาวเอาไว้ได้แล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจมาช่วยเหลือ
ด้านมารดา ของเด็กหญิงคนดังกล่าว (เบลอหน้า) เล่าว่า ก่อนหน้านี้มารดาเธอคนที่เกิดเหตุคนนี้ พักอาศัยอยู่ที่จังหวัดระยองและเทียวไปเทียวมาหาเธออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งยอมรับว่ามารดาเธอชอบดื่มสุราและพอเมาได้ที่ก็จะเอะอะโวยวายและไม่กลัวใคร ก่อนหน้านี้เคยนำลูกสาวคนเล็กคนนี้ฝากมารดาเลี้ยงไว้แต่พอมารดาติดสุราจึงไปรับตัวกลับมาเลี้ยงเอง จนกระทั่งมารดากลับมาหาที่บ้านหลังที่เกิดเหตุได้ไม่กี่วัน พอมาวันนี้ตนเองต้องออกไปทำงานข้างนอก และรู้ว่ามารดาออกมาดื่มสุราจึงสั่งให้คนงานดูแลลูกสาวไว้จนกระทั่งคนงานโทรไปบอกว่ามารดากำลังอาละวาดจึงรีบกลับมาจนมาพบว่าเกิดเหตุแล้ว ถามว่าติดใจมารดาหรือจะเอาเรื่องเอาความหรือไม่ ตนเองไม่ติดใจและไม่เอาความ เพราะยังไงก็คือมารดาแท้ๆของตัวเอง แต่ก็อยากจะพามารดาไปรักษาให้เลิกสุราโดยเด็ดขาดซึ่งหลังจากนี้คงต้องปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ไขและป้องกัน
ทางด้าน รองผู้กำกับป้องกันและปราบปราม สภ.บางพลี ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นคดีอาญาแผ่นดินที่ยอมความไม่ได้ ซึ่งจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ผู้ก่อเหตุในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บ และเมาสุราประพฤติตนวุ่นวาย ส่วนเด็กหญิงคนดังกล่าว เบื้องต้นอาการปลอดภัยแล้วไม่มีการสำลักน้ำในคลองแต่อย่างใด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: