ตรัง ชาวบ้านตันหยงสตาร์ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง จัดกิจกรรมล่องเรือ ชมฝูงเหยี่ยวและนกอินทรีกลางทะเล ซึ่งเป็นฝูงใหญ่ มีมากกว่า 200 ตัว อย่างใกล้ชิด และสามารถชมได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเหยี่ยวที่แหลมหยงสตาร์มีด้วยกัน 4 ชนิด ได้แก่ เหยี่ยวดำ เหยี่ยวแดง เหยี่ยวลาย และนกออกหรือนกอินทรีหัวขาว
บ้านตันหยงสตาร์ หรือ บ้านหยงสตาร์ ม.2 ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งมีสภาพเป็นแหลมยื่นไปทะเล เป็นชุมชนชายฝั่งแบบพาหุวัฒนธรรม มีทั้งชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน อาศัยอยู่รวมกัน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งของทะเลตรัง
แหลมหยงสตาร์ มีป่าชายเลนที่่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของเหยี่ยวจำนวนมาก และชาวชุมชนตันหยงสตาร์จึงมีแนวความคิดสร้างกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน ล่องเรือชมฝูงเหยี่ยวกลางทะเล ฝูงใหญ่มากกว่า 200 ตัว อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลิน ตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ที่ได้สัมผัสกับเหยี่ยวจำนวนมากที่บินมาให้เห็นอย่างใกล้ชิด
โดยนายประสาน ทุ่ยอ้น ปราชญ์ชาวบ้านตันหยงสตาร์ และนายจิรวุฒิ วงศ์เทพวณิชย์ ผู้ประกอบการ บ้านสวน ณ นิน ต.ท่าข้าม พร้อมด้วยนักท่องเที่ยว นำผู้สื่อข่าวลงเรือเพื่อไปชมฝูงนกเหยี่ยว มีนายสุนทร (บังสน) สงชัย อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นผู้ทำการเรียกนกเหยี่ยว โดยใช้วิธีแบบโบราณ ซึ่งทุกวันนี้หาดูได้ยาก ด้วยการเป่านกหวีดเป็นจังหวะ เพื่อส่งสัญญาณให้พวกนกเหยี่ยวรับรู้กัน และออกมาโชว์ตัวให้นักท่องเที่ยวได้เห็น สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ซึ่งฝูงนกเหยี่ยวจะเริ่มทยอยออกมา จากทีละ 2-3 ตัว และแห่บินกันออกมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นฝูงใหญ่มากกว่า 200 ตัว บ้างก็บินโฉบเฉี่ยวลงมาโฉบปลาในน้ำ บินอยู่เหนือเรือนักท่องเที่ยว ซึ่งนกเหยี่ยวที่เห็นมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์เหยี่ยวดำ เหยี่ยวแดง เหยี่ยวลาย และนกออกหรือนกอินทรีหัวขาว ซึ่งนกออกมีขนาดตัวที่ใหญ่สุด แต่จะพบสายพันธุ์เหยี่ยวแดงมากที่สุด
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง สับปะรดทอด-ข้าวเม่าทอด ดาวเด่นประจำร้านสมพร รสชาติอร่อย ราคาเป็นกันเอง
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
- วิกฤตพะยูนตรัง 7 วันสำรวจ พบแค่ตัวเดียว ทดลองวางแปลงอาหาร กลับถูกเมินไม่ยอมกิน
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
ตลอดที่นั่งเรือสองฝั่งข้างทาง จะพบไปด้วยความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติ มีป่าชายเลน ต้นโกงกางเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด ตลอดจนวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน จากการไปดูฝูงนกเหยี่ยวในครั้งนี้ นั่งเรือไปประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที สูตรกลิ่นไออากาศบริสุทธิ์ ธรรมชาติเขียว สบายตา ของป่าโกงกาง สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งการมาดูฝูงนกเหยี่ยวที่หยงสตาร์สามารถดูได้ตลอดทั้งปี
ด้านนายประสาน ทุ่ยอ้น ปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่ตันหยงสตาร์ บอกว่า วันนี้เราก็ได้มาเที่ยวชุมชนตันหยงสตาร์ซึ่งไฮไลท์ที่สำคัญก็คือการมาชมนกเหยี่ยว ที่มีจำนวนหลายร้อยตัว ที่อยู่บริเวณปากอ่าวหรือตามลำคลองของบ้านตันหยงสตาร์ ถือเป็นตัวชี้วัดได้ว่าที่แห่งนี้มีธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ การมาดูนกเหยี่ยวสามารถมาได้ทุกช่วงฤดูกาลและสะดวก เพราะมีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว นกเหยี่ยวที่เราเห็นส่วนใหญ่จะมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ เหยี่ยวดำ เหยี่ยวแดง เหยี่ยวลาย นกออกหรือนกอินทรีหัวขาว ซึ่งที่อยู่ของนกเหยี่ยวจะอยู่ตามยอดไม้ตามป่าชายเลน ชาวบ้านหรือชุมชนแห่งนี้ช่วยกันอนุรักษ์จึงทำให้เหยี่ยวออกลูกออกหลานมาเป็นจำนวนมาก และมีสัตว์น้ำวัยอ่อนที่เป็นแหล่งอาหาทำให้นกเหยี่ยวอยู่ที่นี่ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งความเชื่อของชุมชนนั้นนกเหยี่ยวไม่ใช่อาหารของมนุษย์ และมันมีความฉลาดซึ่งสามารถสังเกตได้ว่า พอได้ยินเสียงนกหวีดพวกมันจะสื่อสารกันเองและบินออกมาให้เห็น
ด้านนายจิรวุฒิ วงศ์เทพวณิชย์ ผู้ประกอบการ บ้านสวน ณ นิน ต.ท่าข้าม บอกว่า ที่พามาวันนี้เราก็พามาดูเหยี่ยว และสันหลังมังกร ซึ่งเดิมเราโปรโมทสันหลังมังกร แต่ติดปัญหาคือในแต่ละเดือน จะดูได้แค่บางช่วงเวลาเท่านั้น สวนการจัดทริปท่องเที่ยวชมฝูงเหยี่ยวนั้นเกิดขึ้นหลังจากบังสนก็ได้กลับมาบ้านเกิด และมีความเชี่ยวชาญทางด้านการเรียกนกเหยี่ยว ก็เลยมาประสานงานกัน เพื่อที่จะร่วมกันโปรโมท ซึ่งตนเองก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับการอาหารและการท่องเที่ยวอยู่ด้วย จึงคิดที่อยากจะช่วยกันพัฒนาบ้านเกิด นกเหยี่ยวที่มาดูตอนนี้มีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ มีมากถึง 200 กว่าตัวแล้ว
หากนักท่องเที่ยวสนใจที่จะมาดูนกเหยี่ยวก็สามารถติดต่อได้ที่ตนเองหรือบังสนก็ได้ ซึ่งการนั่งเรือดูนกเหยี่ยวถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจึงตั้งใจที่จะมาทำการโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวตรงนี้ ซึ่งมาดูนกเหยี่ยวสามารถมาได้ทุกช่วงเวลา หากมาตรงกับช่วงที่มีสันหลังมังกร ก็จะเป็นความเชื่อที่ว่าได้รับพลังจากมังกร ตามความเชื่อของชาวจีน เสริมสร้างบารมีได้รับพลัง เมื่อมาสัมผัสพลังจากสันหลังมังกร ซึ่งระยะเวลาที่นั่งเรือประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เราก็จะได้อาบป่าโกงกาง สูตรกลิ่นป่าธรรมชาติ อาจจะพบเห็นตัวแลน ลิง และบ้านของนกเหยี่ยวอีกด้วย หากโชคดีก็อาจจะพบโลมาว่ายน้ำเล่นอีกด้วย และทะเลที่ติดกับทะเลเราก็จะเป็นของอ.ทุ่งหว้า จ.สตูล
นายสุนทร(บังสน) สงชัย อายุ 58 ปี ผู้เรียกนกเหยี่ยว บอกว่า วิธีการเรียกจะใช้นกหวีดในการสื่อสารกับนกเหยี่ยว สืบทอดมาจากคนโบร่ำโบราณ ซึ่งเมื่อก่อนนกชนิดนี้เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน และตอนที่ไม่มีเทคโนโลยีเกี่ยวกับประมงเข้ามา ชาวประมงออกเรือไปวางอวน ซึ่งต้องอาศัยการสังเกตุพฤติกรรมของเหยี่ยวว่าอยู่ตรงไหนเยอะ ก็หมายความถึงว่าแหล่งนั้นมีฝูงปลาจำนวนมาก ในที่สุดก็ฝึกนกเหยี่ยวนำมาใช้งานกับชาวประมงมาตั้งแต่สมัยก่อน นอกจากนี้ชาวบ้านฝึกเหยี่ยวเอาไว้หาของป่าหรือสัตว์ป่า แต่วันนี้เทคโนโลยีสมัยใหม่มีมากขึ้น เลยถูกลืมไป ซึ่งตอนนี้ตนได้หยิบยกความสำคัญของนกเข้ามาในรูปแบบหนึ่ง มาในแบบของการท่องเที่ยว มาดูความสวยงามของนกเหยี่ยวที่นี่
หากนักท่องเที่ยวสนใจนั่งเรือมาดูนกเหยี่ยว ค่าบริการคนละ 250 บาท จำนวน 10 คนต่อลำหรือแบบเหมาลำ ราคา 1,500 บาท เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวประมง สามารถดูนกได้วันละ 5 รอบ ช่วงเช้า 2 รอบ ช่วงบ่าย 3 รอบ หรือติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 0869576343, 0619851638
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: