ชายวัย 34 ปี อดีตทหารพรานคลั่งยาถือมีดพร้าได้ฟันชาวบ้าน ก่อนหนีไปซุกตัวในกระท่อมกลางนา เจ้าหน้าที่ล้อมนาน 30 นาที หลังร้องขอชาเย็นกับกล้วยแขก จนสามารถควบคุมตัวนำส่งโรงพยาบาลพัทลุง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เข้าล้อมกระท่อมไม่มีเลขที่กลางทุ่งนา ท้องที่ ม. 6 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง หลังนายวันใหม่ หนูช่วย ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 แจ้งขอความช่วยเหลือเหตุนายโชคชัย ณะรัตตะ หรือเอียด ชายวัย 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.6 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง มีอาการคุ้มคลั่งใช้มีดพร้าไล่ฟันชาวบ้าน จนหนีกันชุลมุน ก่อนหนีเข้าไปกบดานในกระท่อมหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือลุยน้ำเข้าไปเพื่อเจรจา ถูกนายเอียดตะโกนด่าทั้งเจ้าหน้าที่และนักข่าว การเข้าควบคุมตัวเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากมีทางเข้าเพียงทางเดียว เจ้าหน้าที่จึงติดต่อญาติเข้าไปเจรจา จนนายเอียดร้องขอชาเย็นพร้อมกล้วยแขก เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวได้อย่างปลอดภัย โดยไม่มีการขัดขืน
นายวันใหม่ หนูช่วย ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 เล่าว่านายเอียดเป็นอดีตทหารพราน หลังป่วยเป็นจิตเวชถูกส่งตัวกลับมารักษาตัวที่บ้านนานประมาณ 5 ปี ช่วงกลับมารักษาตัวนายเอียดเสพยาเสพติด ล่าสุดเมื่อเช้าเกิดอาการคลั่งใช้มีดพร้าไล่ฟันชาวบ้าน ชาวบ้านวิ่งหนีกระเจิง ก่อนหน้านี้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชจังหวัดสงขลา แต่ยังเสพยาอาละวาดอยู่บ่อยครั้ง ตามปกติจะอยู่บ้านเดียวกับพี่สาวซึ่งห่างจากกระท่อมประมาณ 200 เมตร แต่นายเอียดมักจะมานอนเก็บตัวคนเดียวในกระท่อมดังกล่าว
ด้านนางดวงแก้ว ไล่กสิกรรม อายุ 63 ปี น้าสาวเล่าว่านายเอียดเริ่มคลุ้มคลั่งตั้งแต่เมื่อวาน ถือมีดพร้าไล่ฟันชาวบ้าน เพราะเดินไปไหนจะถือมีดพร้าอยู่ตลอด จนตนต้องห้ามชาวบ้านที่เข้าไปหาปลาและนำวัวไปเลี้ยง ให้หลีกเลี่ยงเพราะนายเอียดเริ่มมีอาการ จนกระทั่งเพิ่งทราบว่าวันนี้ไล่ฟันชาวบ้านอีก พอมีอาการเขาจะจำใครไม่ได้แม้กระทั่งพี่น้องจะไล่ฟันตลอด ตนเคยทราบว่านายเอียดเสพยาบ้าแต่ตนไม่เคยเห็นเพราะบ้านห่างกัน และไม่ค่อยเข้ามาคลุกคลี ก่อนหน้านี้ถูกเจ้าหน้าที่จับส่งไปบำบัดหลังจากหายดีก็กลับมาอยู่บ้านตามปกติประมาณ 2 – 3 ปี คาดว่าช่วงนี้ขาดยาเพราะไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่ตนไม่เชื่อว่านายเอียดจะคลั่งเพราะเสพยาเนื่องจากไม่มีงานทำคงไม่มีเงินไปเสพยา แต่ตนคิดว่าเป็นพลพวงมาจากตอนที่ไปเป็นทหารพรานป่วยเป็นจิตเวชจนถูกส่งตัวกลับ ทางญาติพร้อมที่จะนำตัวไปบำบัดอีกครั้งหากทิ้งไว้ชาวบ้านจะไม่ได้รับความปลอดภัยถึงขั้นเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุง เพื่อรับการบำบัด จากการตรวจสอบภายในกระท่อมไม่พบอาวุธมีดพร้าและสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
