(เชียงราย) ชาวบ้านผวา กลัวตัวอะไรไม่รู้กัดต้นกล้วยล้มละเนละนาด ยังจับตัวไม่ได้
จากกรณีที่ชาวสวนกล้วย ไปพบต้นกล้วยตนเองล้มจำนวนหลายต้น ซึ่งชาวสวน นึกว่ามีคนแอบมาซ้อมมวยแตะต้นกล้วยล้มไปหลายต้น สุดท้าย พบมีร่องรอยของสัตว์ไม่ทราบชนิดมากัดแทะต้นกล้วยจนล้ม และในที่เกิดเหตุยังพบรอยเท้าสัตว์ และขนจำนวนมาก ซึ่งทางชาวบ้านก็ได้ไปแจ้งให้ ทางฝ่ายปกครอง ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไปสำรวจจุดที่มีการทำลายพืชผลทางการเกษตรสวนกล้วย บริเวณพื้นที่บ้านห้วยเกี๋ยง ม.8 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พร้อมกับนำ จนท.กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จนท.ตร.สภ.เชียงแสน เข้าตรวจสอบ
วันที่ 15 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังสวนกล้วย บ้านห้วยเกี๋ยง อ.เชียงแสน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุมชน พร้อมอาวุธครบมือ ไปสำรวจยังจุดที่ต้นกล้วยล้ม ที่ปัจจุบันยังไม่มีคำตอบว่าเป็นสัตว์ชนิดใด มากัดแทะต้นกล้วยล้ม ซึ่งพบว่าต้นกล้วยที่ล้ม จะมีระดับความสูงเท่ากัน ประมาณ 1.20 เมตร ร่องลอยต้นกล้วยสภาพล้มเหมือนกันทั้งหมด ตามลำต้น เป็นรอยซีกตามลำต้นกล้วย ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายนิกร วันตานาม อายุ 44 ปี ช้าวบ้าน ต.ยางฮอม ม.2 ต.เวียง อ.เชียงแสน เล่าเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายก็ได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว ได้นำขนสัตว์ที่ตกอยู่ ในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบ พบว่าไม่ใช้ขนหมี เพราะขนหมีไม่หลุดได้ง่าย อาจจะเป็นประเภทขนสุนัขที่มีขนาดใหญ่ เพราะเส้นขนดังกล่าวหลุดเป็นกระจุด และนิ่ม ชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า หมีจะชอบมากินน้ำด้านในต้นกล้วย ตามร่องรอยที่เห็น
ข่าวน่าสนใจ:
- บ้านใหญ่พรรคเพื่อไทยเชียงราย เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.พร้อมกับนำทีมผู้สมัคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ทั้ง 36 เขต ในนามพรรคเพื่อไทย
- คึกคักวันแรก สมัครนายก อบจ.เชียงราย กองเชียร์ล้นทะลัก อาทิตาธร เบอร์ 1 สลักจิฤฏดิ์ เบอร์ 2
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านยังเกิดความหวาดกลัว เพราะยังไม่ทราบว่าเป็นสัตว์ชนิดใดกันแน่ เพราะยังไม่สามารถจับได้ถึงวันนี้ คนที่ไปไร่สวนตอนเช้า ก็ยังไม่กล้าที่จะออกไปเช้า หรือหากไปต้องมีอาวุธติดมือออกไป เพราะหวันว่าจะมีสัตว์ที่อยู่ตามพุ่มไม้กระโจนพุ่งออกมาใส่ จึงยังคงต้องคอยระวังขณะอยู่ในสวน
ด้านนายแสงชัย ตระกูลไชยะวง สารวัตรกำนัน กล่าวว่า พื้นที่เกิดเหตุมี ม.1 ม.2 ม.8 ซึ่งห่างจากป่าหมู่บ้านราว 3 กม. พื้นที่ป่ามีราว 3000 ไร่ ซึ่งหากเป็นหมีจริง อาจจะเกิดจากการลุกป่าของนายทุน สัตว์ไม่มีอาหารกินเลยลงมากินพื้นสวนของชาวบ้าน หรืออาจจะเป็นผู้ลักลอบนำสัตว์ป่าข้ามไปขายยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจจะเป็นระหว่างขนย้ายข้ามแม่น้ำโขง พบเจ้าหน้าที่จึงรีบปล่อย ทำให้สัตว์ดังกล่าววนเวียนอยู่ในไร่สวนชาวบ้าน ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านยังหวาดกลัวกับสัตว์ดังกล่าว เพราะยังไม่สามารถจับสัตว์ดังกล่าวได้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่หลายฝ่าย เข้ามาช่วยกันจับ หรือหาสาเหตุข้อเท็จจริง หากเป็นสุนัข ก็ต้องแจ้งให้คนเลี้ยงให้ทราบ ชาวบ้านอยากคลายข้อสงสัยสิ่งที่หวาดกลัว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: