X

ตรัง ชาวบ้านเฮ กรมที่ดินเพิกถอน นส.3ก.นายทุน 7 จาก 11 ฉบับ ออกจากสารบบ หลังถวายฎีกา

ตรัง ชาวบ้านดีใจกรมที่ดินเพิกถอนนส.3ก.นายทุนออกจากสารบบที่ดินแล้ว จำนวน 7 ฉบับ จากทั้งหมด 11 ฉบับ คงเหลืออีก 4 ฉบับ ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยการนำส.ค.1 ทั้งบิ่นและบวม ไปออกเป็น น.ส.3 ก.จากเนื้อที่ประมาณ 100  ไร่เศษ ออกเป็น น.ส.3ก.แปลงใหญ่ เนื้อที่รวมกว่า 600 ไร่ โดยการทุจริตของเจ้าพนักงานที่ดินขณะนั้น และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ทำให้ชาวบ้านเจ้าของที่ดินเดิมซึ่งถือเอกสาร ส.ค.1 ไม่มีที่ดินทำกิน บางรายถูกฟ้องขับไล่ออกจากบ้านของตัวเอง  โดยชาวบ้านดีใจ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะการเพิกถอนน.ส.3ก.ของอธิบดีกรมที่ดินในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากชาวบ้านเดินทางเข้าร้องถวายฎีกา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 หลังผ่านไปนานหลายปีชาวบ้านหมดที่พึ่ง และมองว่ามีการช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์นายทุน ขณะที่ชาวบ้านไร้ที่อยู่และที่ดินทำกิน

นายสุชาติ เกตุแก่น หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง พร้อมด้วยนายโชติพัฒน์ หวังบริสุทธิ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.วังวน อ.กันตัง จ.ตรัง เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าฯ และเจ้าของที่ดินเดิม ได้เดินทางไปตรวจสอบสภาพพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของนายทุนที่ถือเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. จำนวน 11 ฉบับ เนื้อที่รวมกว่า 600 ไร่ ที่ออกจาก ส.ค.1 เนื้อที่เพียงประมาณ 100 ไร่เศษ หลังกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก.ออกจากสารบบที่ดินจำนวน 7 ฉบับ เนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ จากทั้งหมด 11 ฉบับ คงเหลืออีก 4 ฉบับ โดยให้เหตุผลว่าผู้ขอไม่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ต่อเนื่องมาจากผู้แจ้ง ส.ค.1 โดยการเพิกถอนน.ส.3 ก.ของนายทุนในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ชาวบ้านหมดที่พึ่ง จึงเดินทางเข้าร้องถวายฎีกา ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากการต่อสู้เรียกร้องเกิดขึ้นมายาวนานเกือบ 20 ปี นับตั้งแต่ปี 2547 โดยคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.ตรัง) มีมติเสนอกรมที่ดินให้เพิกถอน น.ส.3 ก.ทั้ง 11 ฉบับ ออกจากสารบบที่ดินตั้งแต่ปี 2560 ต่อมากรมที่ดินมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตามกฎหมาย แต่ยืดเยื้อยาวนานการตรวจสอบดังกล่าวดำเนินการหลายครั้ง ก็ไม่สิ้นสุด จนชาวบ้านมองว่ากรมที่ดินพยายามยื้อเวลา เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อนายทุน จนกระทั่งเจ้าของที่ดินเดิมที่มี ส.ค.1 เสียชีวิตไปทีละคน จนในที่สุดชาวบ้านเดินทางเข้าร้องถวายฎีกา ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่าน จนมีการติดตามการทำงานของกรมที่ดินอย่างใกล้ชิด จนในที่สุด อธิบดีกรมที่ดินได้ลงนามคำสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก.จำนวน 7 ฉบับ จาก 11 ฉบับ ออกจากสารบบที่ดินแล้ว เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การตรวจสอบสภาพพื้นที่เข้าทั้งจากด้านหน้า และลงเรือลัดเลาะไปตามลำคลองป่าชายเลนทางด้านหลังที่มีการบุกรุกป่าชายเลน โดยบริเวณด้านหน้า พบทางเจ้าของที่ดินมีการขึ้นป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้า และห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้า รวมทั้งมีการนำป้ายห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต และนำ ป้ายประกาศให้เห็นว่าที่ดินทั้ง 11 แปลง ซื้อมาโดยถูกต้องตามกฎหมาย จากกรมบังคับคดี เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2547 โดยมีหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่าง สำนักงานบังคับคดีจังหวัดตรัง กรมบังคับคดี กับเอกชนมาปิดประกาศให้เห็นชัดเจนด้วย ทั้งภายในแปลงสวนปาล์มน้ำมัน และบริเวณประตูทางเข้า โดยมีคนงานดูแลสวนปาล์มอยู่ภายใน นอกจากนั้น ทางคณะได้เดินทางโดยทางเรือลัดเลาะไปตามลำคลอง ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรเดิมของชาวบ้านไปยังท่าเรือเดิม และเป็นลำคลองสัญจรไปมา และวางอวน หาปลา หาปูของชาวบ้านบริเวณป่าชายเลน โดยพบว่าบริเวณด้านหลังทางนายทุนมีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน และถมลำคลองสาธารณะเดิม เปลี่ยนสภาพปลูกปาล์มน้ำมัน และขุดลำคลองใหม่ เพื่อทำเป็นอาณาเขตล้อมด้านหลังของสวนปาล์มน้ำมัน ส่วนภายในสวนปาล์มน้ำมัน พบว่าขณะนี้ปาล์มน้ำมันอายุได้กว่า 10 ปี และมีหลายรุ่น ซึ่งกำลังออกผลผลิตดกเต็มต้น ทำให้นายทุนสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้ทุกวัน เดือนละนับล้านบาท เพราะมีการดูแลบำรุงปุ๋ยอย่างดี


นายสุชาติ เกตุแก่น หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง บอกว่า นับจากนี้เมื่อกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอน นส.3 ก.ออกจากระบบสารบบที่ดินจำนวน 7 แปลง จาก 11 แปลง ทางเจ้าหน้าที่ก็เตรียมดำเนินการตรวจยึด และแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดเกี่ยวกับการบุกรุกและเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ทำให้เสียหายต่อไป  ส่วนอีก 4 แปลง ขณะนี้ก็อยู่ในมือ                                                                       ของกรมที่ดินแล้ว คงจะมีการเพิกถอนเพิ่มเติม                                                                       ตามมา

ทางด้านนายโชติพัฒน์ หวังบริสุทธิ์ ตัวแทนชาวบ้านเจ้าของที่ดินเดิม ตามหนังสือ ส.ค.1 กล่าวขอบคุณและทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะชาวบ้านหมดที่พึ่งจนต้องเดินทางเข้าถวายฎีกา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากหน่วยงานตรวจสอบทุกฝ่ายช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่ และกบร.ตรัง มีมติส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอนน.ส.3 ก.ตั้งแต่ พ.ค.ปี 2560 แต่ทางกรมที่ดินยืดเยื้อ อ้างขั้นตอนการตรวจสอบตามมาตรา 61 ใช้เวลายาวนาน จนชาวบ้านคิดว่ากรมที่ดินเพยายามยื้อเวลาอื้อประโยชน์นายทุน จึงต้องเข้าถวายฎีกา จึงทำให้กรมที่ดินเร่งดำเนินการและมีมติเพิกถอนในที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านต่อสู้มายาวนานร่วม 20 ปี นับจากปี 2547 บางรายถูกนายทุนฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินและบ้านตัวเอง จนกลายเป็นผู้ป่วยทางจิต มีอาการซึมเศร้า หลายคนเสียโอกาสในการทำมาหากินในที่ดินของตนเอง ไม่มีรายได้ ชาวบ้านในตำบลสูญเสียทรัพยากร ถูกทำลายแหล่งหากินในการจับสัตว์น้ำป่าชายเลนถูกทำลาย ขณะที่นายทุนมีรายได้เดือนละนับล้านบาท แต่ขณะนี้ดีใจที่ชาวบ้านชนะแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 4 ฉบับ เชื่อว่าจะมีการเพิกถอน น.ส.3 ก.ตามมาต่อไป แต่หากยืดเยื้อยาวนานอีก ก็จะต้องต่อสู้ต่อไป

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน