ดักยิงหนุ่มใหญ่รับวันวาเลนไทน์ คนร้ายจอดรถ จยย.กงสีร้าง ก่อนเดินเท้าดักซุ่มยิง “หลวงพล เปลวนาว” ขณะกรีดยางนอนตายมือเกยหน้าผาก ตร.พุ่งประเด็นชู้สาว หลังจากก่อนหน้าไปคบหน้ากับสาวอื่น มีจดหมายเขียนข่มขู่ในจอกยาง ด้านเมียเผยเคยมีจดหมายขู่จริง เนื้อความ “อย่าพูด อย่าเสือกเรื่องคนอื่น” ก่อนสามีจะทำลายและให้ปิดปากเงียบ ด้านผู้ใหญ่บ้านยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 100 เปอร์เซ็นต์
ดักยิง: เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น.วันที่ 14 ก.พ.66 ร.ต.อ.สุวัฒน์ เชื่อเมือง รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่จำนวนใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดภายในส่วนยางพารา พื้นที่ ม.4 บ้านควนมะนาวศรี-ห้วยด้วน ต.ในควน หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ท.เจษฎา แสงมณี สวญ.สภ.บ้านในควน ก่อนแจ้งประสานไปยัง ตรงกองพิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องที่ และหน่วยกู้ภัยสว่างภักดีตรัง สาขาย่านตาขาว รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 10 เมตร บริเวณกลางสวนยางพารา พบศพนายอุดมศักดิ์ เพ้งหล้ง อายุ 55 ปี ชื่อเล่นว่า “หลวงพล เปลวนาว” อยู่บ้านเลขที่ 55/3 ม.4 ต.ในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง สภาพนอนหงายมือซ้ายเกยหน้าผากในชุดกรีดยาง สวมเสื้อแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงวอร์มสีกรมท่า สวมรองเท้าบูทยาง ศีรษะยังคาดตะเกียงส่องสว่าง ใกล้กันพบมีดกรีดยางตกอยู่ใกล้ศพ พบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาด เข้าที่ บริเวณกลางหลัง และสะบักหลังด้านขวา จำนวน 2 แผล
ขณะที่แนวทางการสืบสวนสอบสวน ทราบว่าผู้ตายเป็นคนชอบดื่มสุรา และเป็นคนร่าเริง พูดจาสนุกสนาน ก่อนหน้านี้ผู้ตายไปติดสาวนอกบ้าน และเมื่อช่วง 4-5 เดือนที่แล้ว ผู้เคยได้รับจดหมายข่มขู่เขียนใส่จอกรับน้ำยาง และเมื่อช่วงต้นปีมีจดหมายข่มขู่อีกฉบับเคยเล่าให้ภรรยาฟัง ก่อนเชิญตัวไปสอบปากคำที่ สภ.ในควน เพื่อเร่งหาประเด็นเชื่อมโยงในการฆ่าดังกล่าว สำหรับพฤติการณ์ของคนร้ายเชื่อว่าขับรถ จยย.มาจอดซ่อนอยู่บริเวณกงสีร้างใกล้จุดเกิดเหตุ และมาดักซุ่มรออยู่ก่อนหน้าแล้ว เมื่อสบจังหวะจึงย่องเข้าไปกระหน่ำยิง จำนวน 2 นัด ก่อนหลบหนีไป
ขณะเดียวกันเวลา 14.00 น. ของวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดควนมะนาวศรี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 400 เมตร ใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลศพผู้เสียชีวิต บรรดาญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทได้มาร่วมพิธีรดน้ำศพกันเป็นจำนวนมาก และได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างกับบ้านผู้ตายเพียงแค่ 50 เมตร ส่วนกงสีที่คาดว่าเป็นที่ที่คนร้ายมาจอดรถนั้นอยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร และอย่างไรก็ตามพบว่าเมื่อช่วงวานนี้ (13 ก.พ.) ผู้ตายได้เข้ามาซื้อของที่ร้านขายของชำใกล้กับวัด โดยที่ภาพวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ แต่ในขณะนี้ทางตำรวจได้นำเซิร์ฟเวอร์ของกล้องดังกล่าวไปไล่ตรวจสอบแล้ว
โดย น.ส.จิราวรรณ เพียรเต้ง หรืออ้อย อายุ 55 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต อยู่ในสภาพร้องไห้ระงม กล่าวว่า อยากให้ตำรวจเร่งจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้อย่างเร็วที่สุด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอุกอาจและโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ก่อนหน้าเกิดเหตุสามีไม่ค่อยบอก หรือพูดอะไรเลย ถามอะไรก็ไม่บอก ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับเขาหรือเปล่า เพราะเขาจะไม่เล่าเลย หากถามเขาก็จะพูดว่าจะรู้ไปทำไม ปกติตนก็อยู่บ้านเดียวกับสามี คืนที่เกิดเหตุเขาก็บอกว่าจะออกไปกรีดยาง แต่ตนไม่ได้อยู่ด้วย เพราะเมื่อคืนตนไปนอนเฝ้าพ่อของตนที่ป่วย ซึ่งอยู่ห่างกันไปกับบ้านที่สามีอยู่ประมาณ 100 เมตร ก่อนจะมีเพื่อนไปตามตนว่าเห็นสามีนอนอยู่ในสวนยาง ไม่รู้ว่าเมาเหล้า หรือเป็นลม ก่อนจะไปพบก็ทราบว่าถูกยิงเสียชีวิต โดยที่ตนไม่ได้ยินเสียงปืนเลย แต่มีชาวสวนที่อยู่ในละแวกดังกล่าวได้ยิน ตอนนี้ก็ยังคงมือแปดด้านในส่วนของสาเหตุ
แต่อย่างไรก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 เดือน ก็มีคนมาเขียนจดหมายขู่ใส่ไว้ในจอกยาง ซึ่งตอนนั้นตนก็ได้อ่าน เนื้อหาก็ประมาณว่า อย่าไปพูดเรื่องของเขา อย่าไปเสือกเรื่องของเขา ซึ่งข้อความก็มีต่อไปอีก แต่ตนก็จำไม่ได้แล้ว และขณะนั้นตนจะถ่ายภาพเก็บไว้ แต่สามีไม่ให้ถ่ายและได้ทำลายไปเลยในขณะนั้น พร้อมทั้งสั่งตนไว้ว่าอย่าไปพูดกับใคร ตนก็เลยเงียบไปเพราะสามีสั่งไว้ ก่อนจะมีจดหมายข่มขู่อีกครั้งเป็นใบที่ 2 ในช่วง 1 เดือนกว่าๆ ก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา เนื้อหาในลักษณะเดียวกันและลายมือคนเขียนคนๆเดียวกัน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นคือใครก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่
ด้าน นายอำพล สุดเมือง หรือใหญ่เต็ด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 กล่าวว่า นิสัยผู้ตายเป็นคนเรียบร้อยดี มาอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ประมาณ 30 ปี ไม่เคยมีปัญหากับใคร เพื่อนบ้านรัก แต่เป็นคนที่ชอบดื่มเหล้ากับพรรคพวกเพื่อนฝูง แต่เท่าที่ทราบว่าว่าช่วงหลังๆผู้ตายมีปัญหาในเรื่องที่ไปมีกิ๊ก หรือความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น ในลักษณะบ้านเล็ก บ้านใหญ่ ส่วนเรื่องจดหมายที่มีการข่มขู่ตนก็เพิ่งจะได้ทราบเมื่อวันนี้ ตอนนี้ทางตำรวจก็ได้พูดคุยกับตนในประเด็นชู้สาว และจดหมายข่มขู่ รวมทั้งเรื่องยาเสพติด ซึ่งตนยืนยันได้เลยว่าผู้ตายไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สมควรจะเกิดกับเขาเลย
ส่วนสาเหตุเบื้องต้น ตร.พุ่งปมชู้สาวที่ผู้ตายไปติดพันกับหญิงสาวมีเจ้าของ แต่ไม่ตัดทิ้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ฯ จะเร่งสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: