หนุ่มฉุนเก๋งคู่กรณีกดแตรใส่ ขณะจะจอดรถที่ลานจอดโรงพยาบาล เพื่อพบแพทย์ ควักอาวุธปืนยิงใส่โชคดีไม่โดนใครสุดท้ายโดนจับ”พยายามฆ่า”
วันที่ 7 มี.ค.66 ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ภ.จว.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจาก นายณัฏฐ์พัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ว่ามีเหตุข่มขู่ ใช้อาวุธปืนยิงบนลานจอดรถชั้น 5A ของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต หลังรับแจ้งประสาน พ.ต.อ.ประเทือง ผลมานะ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.สราวุธ โชติสุวรรณ รองผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.กรกฤช ขันเครือ รองผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.อัครเดช พงศ์พรหม สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ต.สมพร รังสิมันต์รัตน์ สวป.สภ.เมืองภูเก็ต
ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ อีซูซุ ดีแม็กซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน ขก 3809 ภูเก็ต จอดอยู่ในช่องจอดรถด้านซ้ายมือ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและล็อคล้อรถด้วยโซ่ไว้ และสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุที่ใช้อาวุธปืนไว้ได้คือ นายธนกร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนอยู่ที่เอวด้านขวา พร้อมกระสุน 13 นัด ยิงไปแล้ว 1 นัด ก่อนคุมตัวไปที่ สภ.เมืองภูเก็ตจ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานหัวกระสุนที่ผู้ก่อเหตุได้ยิงออกไป และได้ตรวจสอบพบว่าหัวกระสุนดังกล่าวได้ไปโดนกันชนหน้าของ รถเก๋งฮอนด้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กธ 3348 ภูเก็ต ซึ่งหัวกระสุนได้เจาะผ่านกันชนหน้าและไปตกอยู่ภายในใต้แท่นเครื่อง ของรถคันดังกล่าวที่จอดอยู่ภายในลานจอด
เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “พยายามฆ่าผู้อื่น, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต”
นายณัฏฐ์พัฒน์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุขับรถเลยช่องที่จะจอดแล้วพยายามจะถอยกลับมา ตนซึ่งขับอยู่ข้างหลังจึงบีบแตรเตือนไป 1 ครั้งสั้นๆ และบีบแตรยาวไปอีก 1 ครั้ง เพราะตนถอยหลังไม่ได้แล้ว เนื่องจากมีรถอยู่ข้างหลังตนอีก 2 คัน ผู้ก่อเหตุเปิดกระจกตะโกนต่อว่าตน บอกว่า “กูรู้แล้ว กูมีกล้อง” หลังจากนั้นตนก็ขับเลยไปข้างหน้าเพื่อไปหาที่จอดที่อื่น ก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงคาดว่าน่าจะเป็นผู้ขับรถกระบะยิงตามหลังมา จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ
ขณะที่อาของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า หลังจากหลานยิงปืนแล้ว ก็บอกว่างานเข้าแน่ เพราะสถานที่ราชการเรื่องใหญ่กว่าสี่แยกไฟแดง ตัวหลานเป็นคนชอบยิงปืน ไปซ้อมยิงปืนที่สนามปืนภูเก็ต เริ่มยิงปืนได้ประมาณปี 64 ปกติเขาไม่ได้เป็นคนใจร้อน เขาเป็นคนอย่างนี้ตั้งแต่พ่อเขาเสีย ทุกอย่างปิดตายหมดทั้งพี่ทั้งน้อง ตนก็ประคับประคองสภาพจิตใจมาตลอด ตนต้องพามาพบหมอเพราะหลานเป็นโรคซึมเศร้า ถ้าหลานไม่ถูกด่าก่อนก็คงไม่ยิง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: