ฉะเชิงเทรา – ลุยสนาม ตรวจแถวเลือกตั้งเมืองแปดริ้วหน้าใหม่พรึบเต็มกระดาน คนหน้าเก่าจำต้องดิ้นรนหนีตายก่อนเฮือกสุดท้ายจะมาถึง ที่ต่างคนต่างพากันเดินสายออกงานในพื้นที่แบบอุตลุดมาก่อนล่วงหน้า หวังฟื้นบารมีสร้างกระแสในพื้นที่แบบใครดีใครอยู่ต่อได้ในสังคม ทำคนการเมืองรุ่นเก่าหลายรายจำใจวางมือ ปล่อยทายาทแถว 2 ลงสนามสู้ศึกต่อกระแสเลือดใหม่ทดแทนในสนาม งานนี้อาจมีพลิกได้เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตัวเต็งเป็น ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 คนต่อไป
เขตเลือกตั้งที่ 1 สนามหินถิ่นเดิมของ “ฉายแสง” บ้านใหญ่ในตำนานที่พลาดโอกาสลงสนามกลางคันเมื่อสมัยการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว จากการถูกยุบพรรค “ไทยรักษาชาติ” และพ่ายต่อการเลือกตั้งต่อเนื่องรวม 2 สมัย ในปีนี้ “ฐิติมา ฉายแสง” อดีต ส.ส.หญิงเพียงหนึ่งเดียวของเมืองแปดริ้วพร้อมลุยงานลงสนามสู้ศึกในนามพรรคเพื่อไทย ที่ต้องรบราหาคะแนนแข่งกับว่าที่ผู้สมัครรุ่นใหม่หลายสายเลือดจำนวนมากในพื้นที่
โดยเฉพาะอาร์ม “มติชน ชูทับทิม” ผู้เป็นทายาทของเจ้าพ่อแห่งวงการค้าไข่ไก่ในระดับชาติ โดยที่มีเครือข่ายผู้เพาะเลี้ยงไก่ไข่อยู่ในกำมือ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ไก่ “กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์” นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ผู้ใกล้ชิดเกาะติดคนบ้านใหญ่ในวงศ์คณาญาติ ของคนดังแห่งเมืองชลบุรี “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน ให้มาลงแข่งในสนามในนาม “พรรครวมไทยสร้างชาติ” จากซีกฝั่งรัฐบาลรักษาการณ์ ทั้งผู้เป็นบิดาและลุงยังเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ที่สั่งสมกระแสสร้างคะแนนอยู่ในพื้นที่มายาวนาน ที่อาจสร้างมวลชนดึงดูดแรงใจให้คนได้ช่วยกันกาบัตรออกเป็นคะแนนเสียงให้ได้โดยไม่ยาก
ถัดมาเป็นทายาทคนดังอีกราย “รัฐสภา นพเกตุ” อดีตรองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ชั่วขณะ เขยบ้านใหญ่คนดังในพื้นที่อีกตระกูล “จารุสมบัติ” ที่ส่งมาลงชิงชัยในนามของพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นการผสมสายพันธุ์ทางการเมือง ที่อาจผสานเป็นคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของ 2 พรรคให้หลอมรวมเข้าด้วยกันได้อย่างน่าเกรงขามในสนามเลือกตั้ง ระหว่างผู้เป็นบิดา “กำนันบัง” หรือ นายสมบัติ นพเกตุ คนดังแห่งหัวสำโรงแปลงยาว
ที่ยึดมั่นแนวทางด้านการเมืองโดยเป็นฐานด้านคะแนนเสียงเก่าให้แก่พรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอดอย่างยาวนาน มาผสานเข้ากับผู้มีความนิยมชมชอบผลงานในนามของพรรคผู้นำรัฐบาล “พรรคพลังประชารัฐ” จึงถือเป็นสองแรงบวกอันยิ่งใหญ่ที่ใครต่อใครต่างพากันจับตามอง
ส่วนด้านตัวเต็งผู้สร้างกระแสเก่งในพื้นที่อีกรายนั้น คือ นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ แชมป์เก่าที่แจ้งเกิดได้ภายใต้กระแสของพรรคคนวัยหนุ่มดั้งเดิม “อนาคตใหม่” ในครั้งนั้น ก่อนที่จะโยกย้ายเบี่ยงกายเข้ามาสังกัดในร่มเงาของพรรคภูมิใจไทย ที่มีพร้อมทั้งกายและใจที่จะขอมาลงสมัครในสนามศึกการเลือกตั้งอีกครั้งต่อจากนี้ ด้วยการลงพื้นที่เกาะสถานการณ์เข้าดูแลประชาชนมาโดยตลอดทั้ง 4 ปีที่ผ่านมา ที่อาจเชื่อได้ว่าจะได้คะแนนเสียง เลือกออกมาจากใจชาวบ้านให้ได้กลับคืนสู่ถนนสายสภาอู่ทองอีกครั้ง
ขณะที่ในสนามยังมีผู้มากประสบการณ์หลากอาชีพและว่าที่ผู้สมัครสดใหม่อีกหลายราย ที่จ่อเข้ามาขอชิงชัยในครั้งนี้ ทั้งนายประโยชน์ โสรัจจกิจ อดีตพนักงานการประปา ผู้ประสบณ์ความสำเร็จในเส้นทางสายอาชีพใหม่ จนได้เป็นอดีตประธานหอการค้า จ.ฉะเชิงเทรา มาแล้ว 1 สมัย และเตรียมความพร้อมมาขอลงสมัครในนามของพรรคประชาธิปัตย์ นายเถลิง จูจำรัส เศรษฐีผู้ไต่เต้าเติบโตมาจากวงการค้าเป็ดในพื้นที่ ก่อนที่จะขอมาเป็นว่าที่ผู้สมัครในนามของพรรคชาติไทยพัฒนา
ส่วนว่าที่ผู้สมัครที่เพิ่งเปิดตัวออกมาล่าสุด “เชิดชัย บัณฑุเจษฎา” คนหนุ่มหน้าใสที่สดใหม่มากกว่าใครๆ จนสังคมสงสัยมองว่าเป็นใครทำไมยังไม่มีใครรู้จัก ได้ขอเข้ามาลงสมัครในนามพรรค “เสรีรวมไทย” เพิ่มเข้ามาอีกราย ฉะนั้นสนามเลือกตั้งในเขตที่ 1 จ.ฉะเชิงเทรา จึงถือเป็นสนามแห่งการประลองกำลังสำหรับคนวัยหนุ่ม วัดพลังกลุ่มของคนเก่าก่อน ที่ชาวแปดริ้วส่วนใหญ่ต้องเป็นผู้กาเพื่อนำพาไปสู่สภาผู้แทนราษฎร
