ชัยภูมิ – ขบวนการลักลอบตัดไม้หอม หรือ”ไม้กฤษณา” ข้ามชาติยังเหิมหนัก กรมอุทยานแห่งชาติฯ สั่งระดมสนธิกำลังทุกหน่วยเร่งดักสกัดจับต่อเนื่อง รวบชาวต่างชาติชาวเวียดนามได้อีก 5 ราย พร้อมรถตู้ขนลำเรียงไม้อีก 3 คัน ยึดของกลางเป็นไม้หอมได้อีกล็อตใหญ่มูลค่าสูงนับ 20 ล้านบาท!
( 28 มี.ค.66 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ หลัง นายอรรพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สั่งสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้จากหลายหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทั้งจาก นายอร่าม ทัพหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 คณะเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) ร่วมกับ ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่าที่ นม.3 (ภูตะเภา) สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) สำนักงานต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย กองคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา สำนักงานต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมาย ของประเทศไทย กองคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา
พร้อมด้วย ชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) หน่วยเฉพาะกิจ ปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ) ส่วนยุทธการด้านการป้องกัน และปราบปราม สำนักป้องกัน ปราบปรามและควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรห้วยยาง เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชัยภูมิ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกันสืบสวน พบว่ามีขบวนการทำ(ตัด)ไม้กฤษณาข้ามชาติซึ่งเป็นกลุ่มชาวเวียดนาม ได้ลักลอบเข้ามาทำ(ตัด)ไม้กฤษณา(ไม้หอม) ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ มาต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.66 ที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นการขยายผลมาต่อเนื่องในช่วงกว่า 2 เดือน ที่ผ่านมา จากการขยายผลจากคดีตามบันทึกจับกุมฉบับวันที่ 18 มีนาคม 2566 ปจว.ข้อ 1 เวลา 22.52 น. ลงวันที่ 19 มีนาคม 2566 คดีอาญาที่ 42/2566 ยึดทรัพย์ที่ 28/2566 ร.ต.อ.ทะวิต คงโนนกอก พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรห้วยยาง และเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 20.45 น. หลังสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวเวียดนามได้แล้วชุดแรกร่วม 6 คน ล่าสุดชุดสนธิกำลังเจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนดักสกัดจับรถต้องสงสัยและทำการตรวจยึด และจับกุมกลุ่มขบวนการชาวเวียดนาม ได้อีกจำนวน 5 คน
พร้อมขยายผลตรวจยึดรถยนต์(รถตู้)ได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 3 คัน ตรวจยึด ณ ที่เกิดเหตุได้ 2 คัน และขยายผลไปตรวจยึดได้ที่พักในอำเภอชุมแพ จ.ขอนแก่นได้อีก 1 คัน และตรวจยึดของกลางเป็นชิ้นไม้กฤษณามีนำหนักรวมจำนวน 103.5 กิโลกรัม ซึ่งมีมูลค่าสูงหากมีการนำส่งออกไปต่างประเทศได้ มีราคาเฉลี่ยตั้งแต่กิโลกรัมละกว่า 1 แสนบาทขึ้นไป รวมมีมูลค่าในครั้งนี้สูงเกือบ 20 ล้านบาทในครั้งนี้ และพร้อมยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิด จำนวนหนึ่ง ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวยอมรับว่าได้ร่วมกันเก็บหาตัดไม้กฤษณาในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เพื่อนำส่งไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นความผิดตามกฏหมายในหลายข้อหา
ครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จึงมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับกลุ่มชาวต่างชาติครั้งนี้ทั้งหมด 5 คน ใน 7 ข้อหา ประกอบด้วย 1. ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 53 และมาตรา 96 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ,2. ฐานร่วมกันทำด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิม ตามมาตรา 55 (2) และมาตรา 99 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ,3. ฐานร่วมกันกับพวก เก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใด ๆ ที่เป็นอันตราย หรือ ทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใด อันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ หรือความหลากหลายทางชีวภาพ ตามมาตรา 55 (5) และมาตรา 100 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ,4. ฐานร่วมกันกับพวก กระทำการหรืองดเว้นกระทำการไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ผู้นั้นต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 87 (ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเป็นผู้เสียหายในการฟ้องคดี)
และ 5. ฐานร่วมกันกับพวกเก็บหาของป่าหวงห้าม หรือทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่ของป่าหวงห้ามในป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 29 และมาตรา 71 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ,6. ฐานร่วมกันกับพวกค้าของป่าหวงห้ามหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งของป่าหวงห้ามเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 29 ทวิ และมาตรา 71 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และ 7. ฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า ตามมาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484
โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้จัดทำบันทึกจับกุมและนำตัวผู้กระทำผิดซึ่งเป็นชาวต่างชาติชาวเวียดนามทั้ง 5 คน และของกลางทั้งหมด ส่งกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ วันนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
