สุราษฎร์ธานี-ผวจ.สุราษฎร์ธานีสั่งดำเนินคดีบริษัทเรือเฟอร์รี่ปล่อยให้น้ำมันลอยเต็มอ่าวส่งผลกระทบต่อชายหาดนางกำแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและสิ่งแวดล้อมเป็นบริเวณกว้าง จ่อฟ้องศาลเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง
จากกรณี เกิดเหตุเรือ โดยสารข้ามฟากระหว่างอำเภอดอนสักไปยังอำเภอเกาะสมุย ของบริษัทราชาเฟอรี่ ล่มที่หน้าท่าเรือฝั่งดอนสัก แบบตะแคงข้าง กราบขวาของเรือ โดยเรือลำดังกล่าว ชื่อ ราชา 10 หมายเลขทะเบียนเรือ 590002932 เป็นประเภทเรือ เรือเดินทะเลเฉพาะเขต ใช้ บรรทุกคนโดยสารและยานพาหนะ ขนาด 2,005 ตันกรอส ขณะเกิดเหตุคลื่นลมแรงคาดว่าถูกคลื่นซัดเรือชนกับของแข็งใต้น้ำ หน้าท่าเรือโดยขณะนั้นระดับน้ำหน้าท่าลึกประมาณ 5-6 เมตร ซึ่งขณะเกิดเหตุไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเรือจึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดเหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 เม.ย.2566 นั้น
ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 17 เม.ย.66 นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับรายงานจากนายอำเภอดอนสัก ว่า พบคราบน้ำมันลอยมาติดชายหาดบริเวณบ้านนางกำ หมู่ที่ 10 ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเป็นคราบน้ำมันที่เกิดจากการรั่วไหลจากเรือเฟอรี่ R10 ที่ล่มเมื่อวันที่ 16 เม.ย. จึงได้เดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี ผู้แทนสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 14 และผู้แทนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี พบคราบน้ำมันลอยมาติดชายหาดนางกำระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร
ข่าวน่าสนใจ:
ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้สั่งการให้นายอำเภอดอนสัก ,นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนสัก ,เทศบาลเมืองดอนสัก เร่งประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆเพื่อจัดเก็บคราบน้ำมันที่อยู่ติดตามหาดทรายและโขดหิน โดยใช้รถตัก JCB ดำเนินการตักทรายที่ติดคราบน้ำมันออกไปกำจัดอย่างถูกวิธี และฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันชีวภาพ เพื่อขจัดคราบน้ำมันที่ติดตามโขดหินบริเวณชายหาดให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อมิให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณชายหาดนางกำ รวมทั้งกำชับให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี กำกับการกู้เรือโดยมิให้มีคราบน้ำมันไหลออกสู่ท้องทะเลอีก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถกำจัดคราบน้ำมันบริเวณชายหาดนางกำได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และบริษัทเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการอุดรูรั่วเพื่อมิให้น้ำมันไหลออกจากตัวเรือได้แล้ว
ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานียังได้สั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี ศึกษาข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆ ว่าจะสามารถฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ได้อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่าได้กำชับให้ขจัดคราบน้ำมันให้หมดโดยเร็วที่สุด หากทิ้งข้ามวันส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมออกไปเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งการดำเนินการวันนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชนและส่วนท้องถิ่นที่ออกมาร่วมด้วยช่วยกัน ในด้านการดำเนินคดีได้สั่งการให้เจ้าท่าจังหวัดรวบรวมพยานหลักฐานเข้าแจ้ง ความดำเนินคดีเอาผิดต่อผู้บริหารบริษัทราชาเฟอร์รี่และดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป
ในขณะที่ นายวิชัย สมรูป ผอ.สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 4 กล่าวว่าในส่วนของ ทช.ต้องเฝ้าระวังผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคราบน้ำมันที่อาจส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์ และต่อสัตว์น้ำ ปะการัง หญ้าทะเล รวมทั้ง โลมา ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้จำนวนหลายสายพันธุ์ และหากพบว่ามีสัตว์ทะเลตาย ก็จะเอาสัตว์มาผ่าพิสูจน์ถ้าพบว่าตายจากคราบน้ำมันเป็นสาเหตุก็จะเข้าข่ายความผิด ตาม พรบ.ทช.2558 โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเฝ้าระวังเป็นพิเศษและล่าสุดพบแมงกะพรุนตายจำนวนหนึ่งด้วย.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: