X

ภูมิใจไทยส่งทนายเก็บหลักฐาน จ.สระแก้ว บันทึกถ้อยคำพยานและให้ปากคำ กกต. เตรียมฟ้องกลับชูวิทย์

สระแก้ว – พรรคภูมิใจไทยส่งทนายความลงพื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อเก็บหลักฐาน สอบพยานและให้ปากคำ กกต.สระแก้ว เตรียมฟ้องชูวิทย์ กล่าวหา สจ.เปิ้ลจ่ายเงินซื้อเสียง 3,000 บาท โดยมีตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งเป็นคนขับรถนักการเมืองดัง ยศ ร.ต.ต. ชื่อเล่น ต.เต่า ไปหลอกล่อเอาข้อมูลมาจาก นาย อ.หรือ ผอ.ค.ควาย ไปส่งให้กับนายชูวิทย์ฯโดยไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดที่ชัดเจน และเจ้าของข้อมูลไม่ได้เป็นผู้ร้องหรือให้ข้อมูลกับนายชูวิทย์แต่อย่างใด หลังจากนี้ทางทนายความของพรรคจะนำข้อมูลทั้งหมดไปพิจารณาและดำเนินการตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า กรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมืองจอมแฉชื่อดัง ได้นำหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กลาง เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษพร้อมกล่าวหา นางดรุณี พูนประสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.สระแก้ว เขต 1 เบอร์ 1 พรรคภูมิใจไทย ใช้เงินซื้อเสียงจำนวน 3,000 บาท โดยมีสลิปโอนเงินและหลักฐานอื่น ๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นหลักฐาน ซึ่งหลังเกิดเหตุ นางดรุณีฯและทีมงาน ได้ชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าวผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “ดรุณี พูนประสิทธิ์ อดีต สจ.สระแก้ว” ระบุว่า “พ่อแม่พี่น้อง ชาวสระแก้วทุกท่านคะ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา พ่อแม่พี่น้องชาวสระแก้วคงทราบกันดีว่า ได้มีการออกข่าวเกี่ยวกับเปิ้ลผ่านสื่อต่าง ๆ โดยกล่าวหาว่า เปิ้ลได้โอนเงินซื้อเสียง ให้บุคคลหนึ่ง ในวันที่ 15 เมษายน เพื่อขอให้เขาลงคะแนนให้กับเปิ้ล ในการเลือกตั้ง ส.ส.สระแก้ว เขต (1) เปิ้ลขอใช้พื้นที่นี้สื่อสารถึงพ่อแม่พี่น้องชาวสระแก้วทุกคนว่า เปิ้ลถูกกล่าวหาและใส่ร้าย ซึ่งเปิ้ลเชื่อว่า เกิดจากการกระทำของคู่แข่งขันที่ต้องการทำลายเปิ้ล โดยหวังผลที่จะให้เปิ้ลสูญเสียความน่าเชื่อถือ จนไม่ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นตัวแทนของพ่อแม่พี่น้องในฐานะ ส.ส.สระแก้ว เขต 1 และยังต้องการให้เปิ้ลต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และอาจจะติดคุกติดตารางอีกด้วย

“ถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้ายมากในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เปิ้ลไม่เคยคิดเลยว่า การที่เปิ้ลอาสามาลงสมัครรับเลือกตั้งสนามใหญ่ (ส.ส.) เปิ้ลจะถูกกระทำถึงขนาดนี้ เปิ้ลถูกใส่ร้ายด้วยการทำเอกสารเท็จ รวมทั้งมีการปลอมลายเซ็นของบุคคลอื่น แล้วส่งข้อมูลเหล่านั้น ไปให้คุณชูวิทย์ นำไปออกข่าว และเสนอผ่านสื่อต่าง ๆ เขาต้องการทำเพื่อให้เปิ้ลมีความผิดทางอาญาเลยนะคะ แต่ครั้งนี้ ฟ้ายังมีตาค่ะ คนที่ตั้งใจ กระทำความดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมคุ้มครอง เปิ้ลได้รับหลักฐานทั้งหมดจากคนที่รักและศรัทธาในตัวเปิ้ลแล้วค่ะ ซึ่งต่อจากนี้ไปก็คงจะเป็นหน้าที่ของทีมกฎหมายในการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่ให้ร้ายเปิ้ลให้ถึงที่สุดค่ะ พ่อแม่พี่น้องชาวสระแก้วคะ ไม่ว่าเปิ้ลจะถูกทำลาย ถูกกลั่นแกล้งหนักแค่ไหน เปิ้ลก็พร้อมจะต่อสู้ต่อไป เปิ้ลขอขอบคุณทุกกำลังใจ ที่มีให้เปิ้ลนะคะ เปิ้ล ดรุณี พูนประสิทธิ์ เบอร์(1)”

 

โดย นางดรุณี พูนประสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.สระแก้ว เขต 1 เบอร์ 1 พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ทำร้ายตนเอง เพื่อให้ได้รับโทษทางอาญาและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ขณะนี้เรามีข้อมูลทั้งหมดแล้วว่า หลักฐานที่นายชูวิทย์นำไปเปิดเผยกับสื่อมวลชนเป็นหลักฐานที่ คนขับรถของบ้านใหญ่ เป็นตำรวจยศ ร.ต.ต.ชื่อเล่น ต.เต่า สังกัด สภ.เขาฉกรรจ์ มาหลอกล่อ เอาไปจากอาจารย์ อ. ที่เป็นทีมหาเสียงของบ้านใหญ่มาทุก ๆ สมัย แล้วนำไปส่งให้นายชูวิทย์ จนเป็นข่าวดังกล่าว โดยมูลเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนสมัคร ส.ส.เมื่ออาจารย์ อ.ทราบข่าวว่า ตนเองจะลงสมัคร ส.ส. ก็อาสาพาไปเปิดตัวตามหมู่บ้าน ชุมชนต่าง ๆ ตั้งแต่ยังไม่มีการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง โดยได้จ่ายค่าแรงให้เป็นการตอบแทน ต่อมา อาจารย์ อ.ป่วยหนักเมื่อปลายเดือนช่วงวันที่ 29 มี.ค.66 ต้องเข้า รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว และได้โทรไปทวงค่าแรง อีก 3,000 บาท ทั้ง ๆ ที่ตนจ่ายหมดแล้วและได้ชี้แจงจนเป็นที่เข้าใจ แต่อาจารย์ อ. ยังต้องการเงินเพื่อใช้จ่ายระหว่างรักษาตัวและเอ่ยปากขอยืม พร้อมมีการพูดคุยกัน สอบถามสารทุกข์กันเรื่อยมา กระทั่งเห็นว่า แก่มีความจำเป็นต้องใช้หลังออกจาก รพ. ก็เลยโอนไปให้เมื่อวันที่ 15 เม.ย.66

ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุกาณ์ดังกล่าว นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค ได้ออกมาตอบโต้และระบุว่า การกระทำของนายชูวิทย์ฯ เป็นการกระทำผิดกฎหมายและกล่าวหาพรรคและผู้สมัคร ส.ส.สังกัดของพรรค ทำให้ได้รับความเสียหายชัดเจน ทางพรรคจึงส่งทนายความของพรรคลงพื้่นที่ จ.สระแก้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.) เพื่อเก็บหลักฐานและสอบบันทึกปากคำพยาน และนำไปสู่การดำเนินการตามกฎหมาย โดยมี นายพิชัย เอี่ยมอ่อน หรือนายเก่ง ทนายความของพรรคภูมิใจไทย พร้อมทีมงานได้เดินทางมาที่สำนักงานสาขาพรรคภูมิใจไทย จ.สระแก้ว ตั้่งแต่เวลา 10.00 น.และมีการบันทึกคำให้การพยาน ผู้เสียหาย และเก็บหลักฐานต่าง ๆ จนถึงช่วงเวลา 16.00 น. ได้เดินทางพร้อมด้วย นาย อ.หรือ ผอ.ค.ควาย ไปยื่นหลักฐานและบันทึกคำให้การเพิ่มเติม ที่สำนักงาน กกต.จังหวัดสระแก้ว โดยนายปิติฉัตร ธนนวนนท์ ผอ.กกต.สระแก้ว มอบหมายให้ นายชยะติย์ คัดสูงเนิน รอง ผอ.กกต.สระแก้ว และฝ่ายสืบสวนสอบสวน กกต.สระแก้ว บันทึกถ้อยคำพยานและรับมอบหลักฐานทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการสอบสวนปากคำ นาย อ.หรือ ผอ.ค.ควาย ให้ข้อมูลชัดเจนว่า นาย ต. ซึ่งเป็นนายตำรวจสังกัด สภ.เขาฉกรรจ์ และไปเป็นคนขับรถให้นักการเมืองรายหนึ่ง ได้โทรศัพท์ผ่านทางแอฟไลน์ไปหา นาย อ.หรือ ผอ.ค.ควาย สอบถามว่าระหว่างป่วยทาง สจ.เปิ้ลได้ให้เงินใช้จ่ายเท่าไหร่ เมื่อทราบว่า โอนเงินให้ 3,000 บาทเท่านั้น นาย ต. จึงขอดูหลักฐานการโอน แล้วแอบแคปรูปไว้ โดยที่ นาย อ.หรือ ผอ.ค.ควาย ไม่รู้ แล้วยังขอรูปถ่าย บัตรประชาชน พร้อมลายเซ็นต์ โดยอ้างว่า จะเอาไปประกอบหลักฐานแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครอีกราย และจากการให้ปากคำ นาย อ.หรือ ผอ.ค.ควาย ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้นำหลักฐานดังกล่าวไปให้นายชูวิทย์ จึงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้วที่ สภ.บ้านทับใหม่ พร้อมกับไปให้ถ้อยคำกับ กกต.สระแก้วไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม นายพิชัย เอี่ยมอ่อน ทนายความของพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ทางพรรคภูมิใจไทยมีข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว โดยตนจะรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายชูวิทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะเดียวกัน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อหา นาย อ.หรื ผอ.ค.ควาย เพื่อพูดคุยเรื่องนี้ รวมทั้งพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยัง นางดรุณี พูนประสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.สระแก้ว เขต 1 เบอร์ 1 พรรคภูมิใจไทย ผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าวจำนวนหลายครั้ง เพื่อพูดคุยขอโทษกับกรณีดังกล่าวด้วย

———————————

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"