นครศรีธรรมราช – ประชาธิปัตย์ จัดเวทีปราศรัยใหญ่ คนคอนแห่ฟังเต็มสนามหน้าเมือง ‘จุรินทร์’ ส่งสัญญาณปลุก คนใต้กลับคืนรัง ประกาศ เลือกประชาธิปัตย์พาชาติรอด ขณะ ‘อภิชาต ศักดิเศรษฐ์’ ชี้! ต้องหยุดการเมืองอันตราย 4 แบบ ‘แบ่งแยก-สุดขั้ว-หวาดกลัว-ขี้โกง’
วันที่ 6 พฤษภาคม 2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยแกนนำของพรรค อาทิ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี, นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้ง ปชป., นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ทั้ง 10 เขต ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่บริเวณสนามหน้าเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หนุนให้ชาวนครศรีฯ เลือกผู้สมัครของพรรคให้เป็นผู้แทน ยกจังหวัด
นายจุรินทร์ กล่าวบนเวทีว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีความพร้อมเรื่องบุคลากร โดยทั้ง 10 เขต มีทั้งที่เป็นผู้แทนราษฎร และเป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายสมัย จึงเป็นผู้มีประสบการณ์สูงมาก นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครหน้าใหม่ แต่มีศักยภาพสูง สามารถสร้างอนาคตที่ดีให้ชาวนครศรีธรรมราชได้แน่นอน เมื่อประชาธิปัตย์ได้จำนวน ส.ส. มากพอที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราก็พาประเทศรอดในทางเศรษฐกิจ เพราะสมัยที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก็ได้พิสูจน์มาแล้วทั้งช่วงเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง และยุควิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ พอประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล เราก็พาประเทศพ้นวิกฤติได้ เที่ยวนี้แม้ประเทศจะต้องเผชิญปัญหาปากท้อง และปัญหาเศรษฐกิจโลก แต่ประชาธิปัตย์ ก็ต้องการนำพาประชาธิปไตยรอดด้วยประชาธิปไตยสุจริต เพราะกี่ยุคมาแล้วที่ประชาธิปไตยไปไม่รอด รัฐบาลก่อนการรัฐประหารโกง ฉะนั้นคนไทยมั่นใจได้ว่า ประชาธิปัตย์ไม่โกง ประชาธิปัตย์พาประเทศรอดได้ ทั้งทางเศรษฐกิจ และทางการเมือง ซึ่งทำให้ประเทศเดินหน้าได้อย่างมั่นคง มีเสถียรภาพ และยั่งยืน
นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า กรุงเทพมหานคร คือเมืองหลวงของประเทศไทย นครศรีธรรมราช ก็คือเมืองหลวงของปักษ์ใต้ เป็นจังหวัดที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์มาทุกยุคทุกสมัย และยกทีมมาแล้ว 9 ครั้ง นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยังมีรัฐมนตรีที่เป็นคนนครศรีธรรมราชมากที่สุดอีกด้วย ดังนั้นจึงหวังว่าพี่น้องจะช่วยสนับสนุนประชาธิปัตย์ ให้ยกทีมเป็นครั้งที่ 10 ทั้ง 10 คน 10 เขต ด้วยการเลือกผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ในบัตรสีม่วง และบัตรสีเขียว เลือกเบอร์ 26 เรามีผลงานทั้งในอดีต และมีผลงานจากการเข้าร่วมรัฐบาลปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมตลอดระยะเวลา 4 ปี ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดทางหนึ่งให้กับพี่น้องจังหวัดนครศรีธรรมราช
“ผมขอขอบคุณพี่น้องคนไทย พี่น้องชาวนครศรีธรรมราชทุกคน ที่ยังหนักแน่นมั่นคงอยู่กับประชาธิปัตย์ ขอบคุณพลังเงียบ พลังนคร ขอบคุณพลังประชาธิปัตย์ ที่ยังปรารถนาดีกับพวกเราทุกคน ผมขอถือโอกาสนี้เรียกร้อง และส่งสัญญาณไปยังคนไทย และพี่น้องชาวนครฯ ทั้งที่เคยเลือกบ้านหลังนี้ ทั้งที่เคยรักบ้านหลังนี้ และทั้งที่เคยอยู่บ้านหลังนี้ ขอให้พี่น้องอย่าไปไหน กลับบ้านประชาธิปัตย์ของเรา ขอให้ช่วยกันบอกต่อพวกเราทุกคน กลับบ้านเรา บ้านประชาธิปัตย์ เพื่อมาช่วยกันสร้างประเทศไทย สร้างบ้านของเราให้แข็งแรงมั่นคง และรับใช้นครศรีธรรมราช และรับใช้ประเทศไทยของเราอย่างยั่งยืนต่อไป ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพื่อประเทศ และนครศรีธรรมราชของเรา” นายจุรินทร์ กล่าวในที่สุด
สำหรับบรรยากาศเวทีปราศรัยที่บริเวณสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช เต็มไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากมีพี่น้องประชาชนหลั่งไหลมาร่วมฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก และให้การต้อนรับนายจุรินทร์ด้วยความอบอุ่น และส่งเสียงเชียร์ดังกึกก้องอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งยืนยันว่าจะกลับมาเลือกประชาธิปัตย์ และสนับสนุนให้นายจุรินทร์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
ปชป.ชี้ต้องหยุดการเมืองอันตราย 4 แบบ ‘แบ่งแยก-สุดขั้ว-หวาดกลัว-ขี้โกง’ มั่นใจ ประชาธิปไตยเต็มใบ คือทางรอด
นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า การเมืองช่วงสัปดาห์สุดท้าย ต่อสู้กันเข้มข้น และเขม็งเกลียว ระหว่างพรรคการเมืองแต่ละฝ่าย สิ่งที่น่ากังวลคือ ตลอดเวลาในช่วงรณรงค์หาเสียง หลายพรรคการเมือง พยายามปลุกปั่นนำสถานการณ์ไปสู่การเมืองอันตราย
การเมืองอันตราย มีปรากฎการณ์ให้เห็นเด่นชัด 4 แบบในขณะนี้ คือ 1.การเมืองแบบแบ่งแยก 2.การเมืองแบบสุดขั้ว 3.การเมืองแบบหวาดกลัว และ 4 การเมืองแบบขี้โกง
นายอภิชาต กล่าวอีกว่า มีหลายพรรคพยายามสร้างกระแสแยกพื้นที่ แยกศาสนา แยกสีเสื้อทางความคิด บางพรรคนำเสนอนโยบายแบบล้มล้าง ยกเลิก กฎกติกาบ้านเมืองแบบสุดโต่ง บางพรรคใช้กลยุทธ์ทางอำนาจ อิทธิพล ทั้งคน เงิน รวมถึงขายความหวาดกลัว และบางพรรคมุ่งที่จะใช้การเลือกตั้งไปรับใช้ผลประโยชน์ตัวเอง และพวกพ้อง ตั้งหน้าตั้งตาจะเข้าไปโกง พวกเราชาวใต้ต้องไม่หลงตกอยู่ในวงล้อมการเมือง 4 แบบนี้
“เราต้องช่วยกันหยุดการเมืองเลวร้ายเหล่านี้ลงให้ได้ ไม่เช่นนั้นระบอบประชาธิปไตยจะหายนะ และเดินเข้าสู่วิกฤตไม่จบสิ้น สถานการณ์เช่นนี้ มีแต่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคของเราเท่านั้นที่จะเป็นทางเลือก ทางรอด และมีทางออกนำพาประเทศพ้นภาวะสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้ ด้วยจุดยืนประชาธิปไตยเต็มใบ ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ประชาธิปไตยไม่โกง และประชาธิปไตยท้องอิ่ม” นายอภิชาตกล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: