ราชบุรี ในวันนี้ ( 12 พ.ค. 66) ที่บริเวณลำห้วยน้ำพุ หมู่ 1 ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี ชาวบ้านได้ร่วมกับมูลนิธิบูรณะนิเวศน์ ช่วยกันจัดกิจกรรมปลูกพืชซึมซับสารพิษ ที่เกิดจากโรงงานกำจัดกากขยะอุตสาหกรรมที่ชาวบ้านได้ร้องเรียน และต่อสู้ฟ้องร้องต่อศาล เพื่อให้โรงงานได้ออกมารับผิดชอบเรื่องของน้ำเสียที่ไหลออกมาจากโรงงานและซึมลงใต้ดิน จนทำให้น้ำในลำห้วยและน้ำใต้ดินมีสารปนเปื้อนชาวฟบ้านเดือดร้อนไม่สามารถนำไปใช้อุปโภคบริโภคได้มานานกว่า 20 ปี แล้ว โดยมีนายอุดม เพชรคุต รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานในปลูกต้นใบเตยและบัวแดงในลำห้วย
ด้านอาจารย์ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศน์ ได้ให้ข้อมูลของโครงการนี้ว่า เป็นการร่วมกันระหว่างชาวบ้านในหมู่ 1 ต.น้ำพุ กับมูลนิธิบูรณะนิเวศน์ นำพืชมาปลูกซับสารพิษในลำห้วย เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงงานกำจัดกากขยะอุตสาหกรรม แวกกาเบ็จรีไซค์เคิล เซ็นเตอร์ ซึ่งชาวบ้านได้มีการฟ้องต่อศาลแพ่งและชนะมาแล้วตั้งแต่ปี 2563 และศาลได้มีคำสั่งให้โรงงานได้ทำการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสารปนเปื้อน ทั้งในบริเวณโรงงานและนอกโรงงาน แต่ตอนนี้ผ่านมา 3 ปี แล้วพื้นที่นี้ก็ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูยังมีสารปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำ และทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับงบประมาณ 50 ล้านบาท มาใช้ในการฟื้นฟู แต่ว่างบประมาณยังมาไม่ถึง ขณะที่ชาวบ้านเองก็ยังเดือดร้อนไม่สามารถใช้น้ำในลำห้วยทำการเกษตรได้ และชาวบ้านต้องพึ่งพาตนเองเพื่อลดความเสี่ยงในส่วนที่จะได้รับสารพิษ โดยเฉพาะการที่จะทำให้สารพิษในแหล่งน้ำลดลง เนื่องจากได้มีการเก็บตัวอย่างพืชในท้องถิ่น ซึ่งทั้ง บอน เฟริน บัว และผักบุ้ง ไปตรวจเพื่อจะดูว่าพืชเหล่านี้สามารถดูดซับสารพิษ และเมื่อพบว่าสามารถดูดซับสารพิษให้เจือจางและลดน้อยลงไปได้ และพืชที่นำไปตรวจก็พบว่ามีสารหนูปนเปื้อนอยู่ จึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา ซึ่งเชื่อว่าตามระยะเวลาที่ปลูกจะสามารถทำให้สารพิษในลำห้วยลดลงไปได้บ้างแม้ว่าจะทำได้ไม่เต็มที่ และไม่ขั้นที่ปลอดภัย แต่ก็เป็นการแสดงพลังของชุมชนที่อยากจะปกป้องสิ่งแวดล้อมและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในชุมชนและเป็นการเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยและสามารถใช้น้ำในลำห้วยได้ ซึ่งพืชที่นำมาปลูกนั้นทางมูลนิธิฯก็จะติดตามเป็นระยะ โดยพืชที่นำมาปลุกนั้น จะเป็นบัว และใบเตย โดยพืชที่ปลูกในลำห้วยแห่งนี้จะมีการติดป้ายห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด เป็นแปลงทดลองการใช้พืชดูดซับสารพิษโดยชุมชนเพื่อลดความเสี่ยงจากมลพิษ และพืชทั้งหมดที่นำมาปลูกเมื่อถึงเวลาก็จะต้องนำไปทำลายทั้งหมด และจะนำพืชไปตรวจดูด้วยว่าในระยะเวลาที่เราปลูกนั้นจะมีสารพิษอะไรบ้างในพืชที่ปลุกไว้ดูดซับ โดยตั้งใจว่าจะทำลำห้วยน้ำพุให้เป็นแปลงทดลอง ที่จะสามารถลดผลกระทบของชุมชนลงได้ก็จะเป็นรูปแบบที่เรานำไปใช้ในพื้นที่อื่นที่เกิดผลกระทบเหมือนกันได้ ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาเป็นปีขึ้นไป
ส่วนนายจำเนียร จินดาโชติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.น้ำพุ ก็บอกว่า ทางมูลนิธิฯมาเป็นที่ปรึกษาให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานดังกล่าวมากว่า 20 ปี และทางหน่วยงานก็ไม่มีมาตราการในการเข้ามาดูแลอย่างชัดเจนในการแก้ไขปัญหา และเมื่อมีการจัดกิจกรรมปลูกพืชซึมซับด้านสารเคมีในลำห้วย เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น ส่วนพืชที่นำมาปลูกนั้นชาวบ้านที่มีจะช่วยกันนำมาและนำมาปลูกร่วมกัน ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านซึ่งการใช้บัว หรือใบเตย ก็จะสามารถช่วยซึมซับทั้งสารเคมีในดินและกลิ่นเหม็นจากสารเคมีได้
ข่าวน่าสนใจ:
- คอหวยแห้ว เลขหางประทัดขบวนเรือหลวงพ่อโสธรไม่ปรากฏให้เสี่ยงทาย
- มรภ.ราชนครินทร์ ผุดหลักสูตรคลายเหงาผู้สูงวัย รองรับสังคมไทยในอนาคต
- 'โครงการสร้างโอกาสสานฝันเด็กและเยาวชน จ.ระยอง' มุ่งสร้างโอกาสทางการศึกษา
- จ.สุโขทัย 40 สาวงามขึ้นเวทีประชันโฉม ชิงตำแหน่งนางนพมาศ ในงาน "ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ" ประจำปี 2567
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: