สระแก้ว – ท้องถิ่นวอนรัฐบาลผลักดันจุดผ่อนปรนทางการค้าแห่งใหม่ จ.สระแก้ว ขณะที่เศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนเริ่มกระเตื้อง ขอให้รัฐบาลแสดงความชัดเจน เพราะกัมพูชาและไทยเป็นประเทศอาเซียน ควรที่จะดำเนินการอะไรร่วมกันอย่างจริงจัง อย่าซ่อนมีดไว้ข้างหลัง ทำกิจกรรมร่วมกันในหลาย ๆ มิติ รื้อฟื้นกฎระเบียบระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ที่ล้าสมัยให้เป็นปัจจุบันมากขึ้น
ความคาดหวังของคนในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว กับรัฐบาลใหม่ภายหลังมีการเลือกตั้ง เนื่องจากมีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันต้องมีการค้าขายระหว่างกัน หลายพื้นที่จึงต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนและส่งเสริมให้มีช่องทางการค้าขายระหว่างกันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชายแดนพื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ต้องการผลักดันให้มีการเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าในพื้นที่แห่งใหม่ เพื่อเพิ่มช่องทางและรายได้ให้กับพื้นที่
พ.อ.นิวัตน์ หาญประสพ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตาพระยา บอกว่า ขณะนี้ทาง อบต.ตาพระยาและทางอำเภอได้ยื่นเรื่องขอเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าหรือจุดผ่านแดนชั่วคราวระหว่างไทย-กัมพูชา ช่องอำเภอตามพระยากับอำสวายเจก เรียกว่า ช่องทัพสยาม-บ้านเดโชพนมฉัตร ความคืบหน้าขณะนี้หลังจากมีการประชุมโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ทั้งสองจังหวัดพร้อม คณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา และกัมพูชา-ไทย ได้ร่วมกันประชุมมา 2 ครั้ง และได้ไปประชุมที่ จ.บันเตียเมียนเจย เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา สรุปแล้ว เห็นชอบ ที่จะให้เปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าตรงจุดนี้ เนื่องจากทางฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เสนอให้เปิด สำหรับเป็นช่องทางค้าขายระหว่างอำเภอกับอำเภอด้วยกัน
“หลังจากการประชุมที่ จ.บันเตียเมียนเจย ต่างฝ่ายก็ต่างนำเรื่องเข้าที่ประชุมของแต่ละฝ่าย เสนอต่อการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14-16 มิ.ย.นี้ ที่ จ.เสียมเรียบ ซึ่งทาง จ.สระแก้ว ก็จะนำเสนอในการประชุมคราวนี้ คาดว่า จะได้รับการเห็นชอบ จึงฝากไปยังรัฐบาลที่จะมาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใหม่ ฝากความกรุณาในเรื่องของการเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าตรงนี้ด้วย เนื่องจากจะทำให้ประชาชนในพื้นที่รวมทั้งประชาชนในมวลรวมของประเทศไทย มีโอกาสทำมาค้าขายได้ สร้างรายได้ให้กับประเทศอีกช่องทางหนึ่ง เพราะต้องยอมรับว่า ประเทศไทยส่วนใหญ่จะได้เปรียบ โดยเฉพาะเครื่องอุปโภคบริโภค ทางกัมพูชาชอบที่จะใช้สินค้าไทยจำนวนมาก ซึ่งช่วงที่มีการเปิดจุดผ่อนปรน มีตลาดนัด ชาวกัมพูชาเข้ามาจับจ่ายเป็นจำนวนมาก” นายก อบต.ตาพระยา กล่าวและว่า
หลังจากนี้ จ.สระแก้ว จะมีการช่องทางการค้าขายเพิ่มอีก 1 ช่องทาง รายได้จะนำมาสู่ จ.สระแก้ว อีก 1 ช่องทาง เพราะเป็นช่องทางที่ใกล้ที่สุด ไม่ว่าจะมาจากสุรินทร์ บุรีรัมย์ มาทางด่านกุดเตย หรือมาจากกรุงเทพ จันทบุรี ก็ง่ายที่จะเข้าไปกัมพูชา เพราะระยะทางใกล้กว่าที่จะเข้าไปเสียบเรียบ ไปถนนหมายเลข 5 และ 6 ไปพนมเปญ ซึ่งเรื่องนี้ เมื่อทาง จ.สระแก้วเสนอเรื่องไป จะอยู่ในดุลยพินิจในการพิจารณาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และรัฐบาล ที่จะเล็งเห็นว่า เหมาะสมมากน้อยเพียงใด ซึ่งทางท้องถิ่นอยากให้รัฐบาลช่วยผลักดันให้เร็วที่สุด ส่วนท้องถิ่นได้จัดเตรียมถนนหนทาง และแบบพื้นที่ด่านและจุดผ่านแดนไว้แล้ว โดยขอใช้พื้นที่แนวชายแดนริมถนนศรีเพ็ญ จากทางกรมป่าไม้ เพื่อเชื่อมต่อกับประเทศกัมพูชาแล้ว
ขณะเดียวกัน ในส่วนของเศรษฐกิจ การค้าขาย และการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.สระแก้ว กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น “นางราตรี แสงรุ่งเรือง” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสระแก้ว และอดีตนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริหารจังหวัดสระแก้ว บอกว่า ต้องยอมรับว่าขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจที่ชายแดนค่อนข้างที่จะไม่ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นด้านส่งออก ด้านท่องเที่ยว ด้านเกษตร จากปัญหาภัยแล้ง ปีนี้ค่อนข้างลำบากมาก ขณะที่การส่งออกทางกัมพูชาบอกว่า มีกำลังการซื้อลดลง 30% ให้เราเตรียมตัว แม้ไม่ใช่จังหวัดที่ผลิตแต่ก็ได้รับผลกระทบในการส่งสินค้าลดลง ส่วนด้านการท่องเที่ยว ตอนนี้เงียบสนิท สาเหตุมาจากอากาศร้อนและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ดี จากโซเชียลมีเดียกรณีของกุนขะแมร์ ทำให้ตอนนี้นักท่องเที่ยวไทยเข้ากัมพูชาน้อยมาก และก็เป็นเรื่องแปลกที่ครั้งใดนักท่องเที่ยวไทยและกัมพูชาไม่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยว ชาวต่างชาติอื่น ๆ ก็ไม่ไปด้วย ทำให้ตอนนี้ จ.เสียบเรียบ ค่อนข้างเงียบ สถานการณ์แย่กว่าหลังโควิด-19 อีก
นางราตรี บอกอีกว่า หลังจากมีรัฐบาลใหม่แล้ว ต้องแสดงความชัดเจน เพราะกัมพูชาและไทยเป็นประเทศอาเซียน ควรที่จะดำเนินการอะไรร่วมกันอย่างจริงจัง อย่าซ่อนมีดไว้ข้างหลัง ทำกิจกรรมร่วมกันในหลาย ๆ มิติ โดยเฉพาะจังหวัดชายแดน จะต้องมีการรื้อฟื้นเรื่องของกฎระเบียบระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ต้องยอมรับว่า มันล้าสมัย ไม่เป็นปัจจุบันมากนัก ควรจะผ่อนคลายมากนัก เช่น การเดินทางไปลาว ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ก็ไปลาวได้แล้ว ขณะที่กัมพูชาไม่ได้นะ ต้องพาสปอร์ตเท่านั้น เราเคยพยายามจะขอว่า ใช้บัตรประชาชนของคน 2 ชาติในการเดินทางไปมาหาสู่กัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ ขณะที่กัมพูชา ใกล้จะมีการเลือกตั้งใหม่ จึงต้องรอความชัดเจนของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย รวมทั้งรัฐบาลใหม่ของไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์ค้าขายในพื้นที่อรัญประเทศ และตลาดโรงเกลือนั้น ถือว่า คนในพื้นที่อรัญประเทศ เป็นกลุ่มคนที่กล้าใช้จ่าย รวมทั้งมีประชากรแฝงจำนวนมาก อำนาจการซื้อยังมีอยู่ ขณะที่ตลาดโรงเกลือ สถานการณ์น่าจะดีขึ้นกว่าช่วงโควิด-19 ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น รวมทั้งความหลากหลายของสินค้าในโรงเกลือ เป็นตัวดึงดูดให้คนเดินทางมาเที่ยว มาซื้อสินค้าไปขายต่อมากขึ้น
—————————–
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: