ราชบุรี ในวันนี้ ( 19 มิ.ย.66 ) ร.ต.อ.ศุกร์สิริ ชาญสัจจา ร้อยเวรสภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุ มีผู้ถูกอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บริเวณ หน้าบ้านเลขที่ 87 ม.1 ต.คุ้งพยอม อ.บ้านโป่ง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงศ์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง ได้รับทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ในที่เกิดเหตุพบเพียงรอยเลือดตั้งแต่หน้าบ้านจนไปถึงในสวนหลังบ้าน ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลบ้านโป่ง ไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบว่าอาการสาหัส เนื่องจากถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ชายโครงซ้าย ทราบชื่อคือนายนคร โหมดเครือ อายุ 54 ปี อยู่บ้าน 61 หมู่ 3 ต.คุ้งพยอม อ.บ้านโป่ง ซึ่งต่อมานายนครทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบอาวุธปืนลูกซองแบบไทยประดิษฐ์ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 กระบอกเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามนายประวัติ โหมดเครือ อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านเลขที่เกิดเหตุ ก็เล่าให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุตนขึ้นไปตัดกิ่งไม้อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ส่วนผู้บาดเจ็บกับเพื่อนอีกคนนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ข้างด้านล่าง และผู้บาดเจ็บยังนั่งซ่อมอาวุธปืนลูกซองยาวแบบไทยประดิษฐ์อยู่ด้วย จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงได้รีบลงมาดูก็พบนายนคร ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย จึงได้รีบพาขี่รถจักรยานยนต์ จะไปโรงพยาบาล แต่พอออกมาถึงหน้าบ้านผู้ตายไม่ไหว ร่วงลงจากรถจักรยานยนต์ ตนจึงต้องโทรเรียกรถกู้ชีพมารับไปโรงพยาบาล
ส่วนนายชนะ ทิพย์วโรรส อายุ 55 ปี เพื่อนของผู้ตายก็บอกว่า ขณะนั่งกินเหล้าด้วยกัน ผู้ตายถือปืนเดินเข้าไปในดงกล้วยที่อยู่ใกล้ ๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และผู้ตายก็วิ่งมาหาซึ่งมีเลือดเต็มหน้าอกมา ตนจึงตะโกนเรียกนายประวัติ ที่อยู่บนต้นไม้ให้ลงมาช่วยนำผู้ตายส่งโรงพยาบาล ซึ่งตนกับผู้ตายนั้นกินเหล้าขาวหมดไป 1 ขวดแล้ว จึงทำให้ผู้ตายนั้นมีเลือดออกเยอะ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า ด้วยความเมาทำให้ผู้อยากจะทดลองยิงอาวุธที่ตนเองประดิษฐ์ขึ้นมา แต่เนื่องจากยิงไม่ออก จึงได้นำปืนกระแทกกับพื้นที่ทำให้ลำกล้องปืนระเบิดใส่หน้าอกตนเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้จะได้เชิญตัวผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดไปสอบปากคำ รวมทั้งยึดอาวุธปืนลูกซองยาวแบบไทยประดิษฐ์ พร้อมกับอุปกรณ์ในการประกอบปืนทั้งหมดไปทำการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: