ตรัง ดญ.อายุ 13 ปี ยังไม่ได้ไปโรงเรียน เนื่องจากครอบครัวลำบาก ขาดแคลนทุนทรัพย์ ไม่มีเงินซื้อชุด นร. อุปกรณ์การเรียน อยู่กับตาบุญธรรมซึ่งเป็นเสาหลักของของครอบครัว หาเลี้ยง 5 ชีวิต ซ้ำร้ายยายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เปรยอยากมีบ้านเป็นของตนเอง ขณะที่ อสม.และผู้นำชุมชนหลังทราบเรื่องก็พยายามติดต่อประสานหาโรงเรียน เพื่อนำเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา และช่วยกันเรี่ยไรเงินซื้อชุดนร.และอุปกรณ์การเรียนให้น้อง
ที่บ้านเลขที่ 24/42 ถ.บ้านโพธิ์ เขตเทศบาลนครตรัง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านเช่าที่เด็กกรกนก หรือ น้องมีน บุตรครุฑ อายุ 13 ปี อาศัยอยู่กับคุณตาบุญธรรม คุณยาย ลูกชายของคุณตา-ยาย และพี่ชายของน้องมีน โดยผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับน้องมีน ตามคำบอกเล่าของ ร.ต.อ.จำรูญ ทองขำดี สมาชิกสภาเทศบาลนครตรัง ซึ่งเบื้องต้นให้ข้อมูลว่าครอบครัวอยู่กันค่อนข้างลำบาก เนื่องจากนายแต้น สุขไหล อายุ 67 ปี ต้องทำงานเพียงลำพัง มีภาระต้องดูแลลูกชายวัย 17 ปี หลานสาววัย 17 ปี ทั้งสองคนเรียนอยู่ชั้นม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง น้องมีน วัย 13 ปี และภรรยาซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
โดยน้องมีน หลานบุญธรรม หลังเรียนจบจากโรงเรียนเทศบาล 2 วัดกะพังสุรินทร์ ก็ไม่ได้เรียนต่อในชั้นมัธยมต้น เนื่องจากน้องไม่มีคนพาไปสมัครเข้าเรียน ไม่มีเงินใช้เรียนต่อ ไม่มีเงินซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนอื่นๆ ซึ่งขณะนี้โรงเรียนเปิดเทอมไปแล้ว 1 เดือน แต่น้องยังอยู่ที่บ้าน แม้ทางผอ.โรงเรียนเทศบาล 1 สังขวิทย์ จะรับน้องเข้าเรียนชั้น ม.1 แล้วก็ตาม
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง สับปะรดทอด-ข้าวเม่าทอด ดาวเด่นประจำร้านสมพร รสชาติอร่อย ราคาเป็นกันเอง
- ชวนชิม 'ศรีบุญเรือน' ร้านข้าวต้มต้นตำรับ สืบทอดสามรุ่น เสน่ห์ร้านข้าวต้มยามค่ำคืน ที่รวมอาหารจีน อาหารเหลา อาหารใต้ไว้ในร้านเดียว
- ชายวัย 62 ยืมมอไซค์เพื่อนจะไปรับแฟนมากินข้าวด้วยกัน เกิดเฉี่ยวชนกับรถพ่วงถูกล้อทับดับคาที่
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
ร.ต.อ.จำรูญ ทองขำดี สมาชิกสภาเทศบาลนครตรัง บอกว่า ตนทราบเรื่องของน้องมีนจากเพื่อนที่มีภรรยาเป็นครูสอนอยู่ในโรงเรียนซึ่งพี่ๆ ของน้องมีนเรียนอยู่ ซึ่งคุณครูได้มาเยี่ยมบ้านของพี่สาว ทำให้ทราบข้อมูลว่า น้องมีน.. จบป.6 แล้ว แต่ผ่านมา 1 เดือนแล้ว ยังไม่ได้เข้าเรียนต่อชั้น ม.1 จึงได้แจ้งประสานมายังตน เพื่อให้ประสานความช่วยเหลือให้น้องมีนและครอบครัว เพราะครอบครัวนี้อยู่กันค่อนข้างลำบาก ตนจึงได้ร่วมมือกับ อสม.ในพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น จึงพบว่าจริง เพื่อนๆเปิดเทอมใหม่เรียนไปแล้ว 1 เดือน แต่น้องยังไม่ได้เข้าเรียน ตนเองจึงพยายามหาทางช่วยเหลือน้อง เบื้องต้น ด้วยการประสานไปยัง ผอ.โรงเรียนเทศบาล 1 สังขวิทย์ เพื่อปรึกษาหารือหาทางช่วยเหลือพาน้องกลับเข้าระบบการศึกษา ซึ่ง ผอ.โรงเรียนเทศบาล 1 สังขวิทย์ ก็ใจดี รับปากจะช่วยเหลือรับน้องไว้ จึงได้พาน้องมีนไปสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนเทศบาล 1 สังขวิทย์ แต่มีปัญหาเรื่องเสื้อผ้า ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน ตนและน้อง อสม.จึงได้ช่วยกันประสานขอความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงคนรู้จักกัน จึงได้ช่วยกันคนละเล็กละน้อย จนได้ชุดนร.มาแล้ว แต่ยังต้องหาเพิ่มชุดพละ กระเป๋าหนังสือ รองเท้านักเรียน และอื่นๆ จึงช่วยกันเร่งทยอยซื้อให้น้องโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้เอาน้องไปเข้าเรียน ขณะเดียวกัน อสม.ได้เข้ามาดูแลคุณยายที่ป่วยติดเตียง และขอรับเงินดูแลผู้ยากจน และผู้ป่วยติดเตียงของเทศบาลนครตรัง ได้รับเงินมา 3,800 บาท สภาพครอบครัวถือว่ายากจนเพราะมีคุณตาเป็นคนที่ทำงานได้แค่คนเดียว ซึ่งต้องดูแลทั้งภรรยาที่ป่วย ลูก และหลาน ที่อยู่ในวัยเรียนอีก 3 คน ขณะที่คุณตาก็ทราบว่า เริ่มมีปัญหาสุขภาพตามมา จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัด เร่งหาทางช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วย โดยเฉพาะทราบว่าคุณตามีที่ดินอยู่ไม่ไกลจากนี้ หากมีบ้านเล็กๆสักหลังให้ทั้งครอบครัวได้อยู่อาศัย ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าจะดีมาก เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อน และช่วยเด็กๆให้ได้เรียนหนังสือ สำหรับน้องมีน ทางผอ.โรงเรียนสังขวิทย์ก็รับปากจะมีอาหารกลางวันให้น้องด้วย
ด.ญ.กรกนก บุตรครุฑ (น้องมีน) บอกว่า ตนเรียนจบชั้นป.6 จากโรงเรียนเทศบาล 2 ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.5 เรียนจบแล้วก็ไม่ได้ไปสมัครเรียนที่ไหน เพราะไม่มีใครพาไป และที่บ้านก็ไม่มีเงินด้วย ตนอยากเรียนต่อ อยากสวมชุดนักเรียน อยากไปโรงเรียนเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตอนนี้ได้ที่เรียนต่อแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะมีอุปกรณ์การเรียนไม่ครบ ขาดชุดพละ กระเป๋านักเรียน รองเท้านักเรียน ส่วนชุดนักเรียนมีชาวบ้านซื้อมอบให้แล้ว 2 ชุด ถ้ามีเงินซื้ออุปกรณ์ที่ขาดอยู่ตนจะได้ไปโรงเรียนเหมือนเพื่อนๆ โดยจะสู้และตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด
ด้านนายแต้น สุขไหล คุณตา อายุ 69 ปี บอกว่า ตนทำงานเป็นช่างรับเหมาทาสีบ้าน ทำงานเพียงคนเดียว ดูแลทุกคนในบ้าน ค่าใช้จ่ายของลูกและหลาน ค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด ค่าเช่าบ้านเดือนละ 2,500 บาท รวมทั้งค่าอาหารเหลว กระป๋องละ 600 บาท ค่าผ้าอ้อมสำเร็จรูปของภรรยาที่ป่วยติดเตียง ถุงละ 300-400 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ภรรยาก็ปกติดี แต่พอตรวจพบเนื้องอกในสมอง และเข้าผ่าตัด ก็กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาประมาณ 1 ปี ตนรับเหมาทาสีรายได้ก็ไม่แน่นอน และล่าสุดตนเองก็มีอาการหอบเหนื่อยง่าย ไปหาหมอล่าสุดหมอบอกว่าเป็นโรคหัวใจ ต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจในเดือนสิงหาคมนี้ ตอนนี้หมอก็ห้ามทำงานหนัก ห้ามยกของหนัก ตนกังวลว่าหลังผ่าตัดร่างกายอาจไม่เหมือนเดิม ทำงานไม่ได้ ตนเป็นห่วงหลานๆ และภรรยาที่ป่วย ส่วนตัวตนมีที่ดินอยู่ 2 ห้อง ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลนครตรังเช่นกัน แต่ไม่มีเงินจะสร้างบ้านหาก ตนอยากขอความช่วยเหลือภาครัฐให้ช่วยสร้างบ้านหลังเล็กๆให้ จะได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่นั่น อย่างน้อยก็ได้ประหยัดค่าใช้จ่ายลงบ้าง จะได้เก็บเงินไว้รักษาภรรยาและดูแลลูกหลานได้เรียนหนังสือตามที่ทุกคนตั้งใจ และห่วงว่าหากตนเองไม่สบายทำงานไม่ได้ ก็เป็นห่วงลูกหลานที่กำลังเรียน
สำหรับหน่วยงานราชการ หรือคนที่อยากจะช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถติดต่อผ่าน ร.ต.อ.จำรูญ ทองขำดี สมาชิกสภาเทศบาลนครตรัง ได้ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 086 -9416910
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: