กรุงเทพฯ – กฟผ. เผย มีปริมาณใช้งานได้เพียง 8,027 ล้านลูกบาศก์เมตร ต้องเตรียมแผนบริหารจัดการน้ำและโรงไฟฟ้ารับมือสภาวะเอลนีโญ ปรับแผนกักเก็บและระบายน้ำ ให้มีเพียงพออุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศ จนถึงปีหน้า รวมถึงปรับมาตรการใช้น้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าอย่างมั่นคง
นายจรัญ คำเงิน รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการน้ำและโรงไฟฟ้า ในภาวะที่มีปริมาณฝนน้อยกว่าปกติ เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สภาวะเอลนีโญ ส่งผลให้ฝนตกน้อยกว่าปกติ ปริมาณฝนสะสมน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา สภาวะเอลนีโญจะอยู่ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2567 และทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงจำเป็นต้องวางแผนบริหารจัดการน้ำในระยะ 2 ปี และเตรียมแผนการจัดการน้ำระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว รองรับสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำในอนาคต
สำหรับสถานการณ์น้ำของเขื่อน กฟผ. ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง 12 แห่ง รวม 29,720 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 48 % ของความจุ เป็นปริมาณใช้งานได้ 8,027 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 21% ของความจุใช้งาน ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน 3,006 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนมาแล้วกว่า 1 เดือน แต่ยังคงมีปริมาณน้ำเติมลงอ่างเก็บน้ำเพียงเล็กน้อย คาดว่าอิทธิพลเอลนีโญจะส่งผลกระทบให้น้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำปริมาณน้อย โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง จากการประเมินสถานการณ์น้ำฝน-น้ำท่าในระบบ ONE MAP พบว่ามีโอกาสที่ปริมาณน้ำจะน้อยกว่าค่าเฉลี่ย การบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนจึงจำเป็นต้องปรับ
รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า กฟผ. เปิดเผยอีกว่า กฟผ. ได้จัดเตรียมแผนปฎิบัติการรองรับสถานการณ์น้ำช่วงฤดูฝน ประกอบด้วย
1.ทบทวน ปรับปรุง เกณฑ์การบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนที่เสี่ยงต่อการมีปริมาณน้ำน้อย เช่น เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี เขื่อนจุฬาภรณ์ และ เขื่อนห้วยกุ่ม จ.ชัยภูมิ
2.เตรียมความพร้อม ซ่อมแซมปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำโทรมาตรให้พร้อมใช้งาน
3.ตรวจความมั่นคงปลอดภัยคัน ทำนบ พนังกั้นน้ำ
4.เร่งกักเก็บน้ำในอ่างเก็บน้ำช่วงปลายฤดูฝน
5.สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์แก่ประชาชน
6.ติดตามและประเมินผลโดยยึดแนวทางการบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ตามวัตถุประสงค์หลักในการใช้น้ำสำหรับการอุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศ เกษตร อุตสาหกรรม และกิจกรรมอื่น ๆ ตามลำดับ โดยมีการผลิตไฟฟ้าเป็นผลพลอยได้จากการระบายน้ำตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว
นอกจากนี้ กฟผ. ยังเตรียมแผนและปรับมาตรการการใช้น้ำของโรงไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับสภาวะเอลนีโญ เช่น การเพิ่มระบบน้ำสำรองจากน้ำบาดาล การจัดหาปั๊มสำหรับสูบถ่ายน้ำ การซ่อมแซมคลองส่ง-รับน้ำ วางแผนการผลิตไฟฟ้าให้สอดรับกับน้ำต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการผลิตไฟฟ้า ควบคุมปริมาณการใช้น้ำดิบให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นำน้ำที่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการบำบัดน้ำเสียและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ ตลอดจนรณรงค์ประหยัดการใช้น้ำในโรงไฟฟ้าและสำนักงาน ทั้งนี้เพื่อให้การผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกประเภท สามารถผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าให้กับประชาชนอย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: