เชียงราย-กลุ่มผู้คัดค้านโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะสันทรายงาม ทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งผู้มีส่วนร่วมในโครงการ
วันที่ 6 ก.ค. 65 ชาวบ้านในพื้นที่ ต.สันทรายงาม อ.เทิง จ.เชียงราย เคลื่อนขบวนกลุ่มผู้คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะ จำนวนประมาณ 200 คน โดยเริ่มตั้งขบวนรถกันที่บ้านหนองบัว ม.5 ต.สันทรายงาม มาที่ที่ว่าการอำเภอเทิง โดยยืนยันเจตนารมณ์เดิมในการไม่เอาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ซึ่งในวันนี้ได้มีตัวแทนจากหลายหน่วยงานมาร่วมรับฟังปัญหา และชี้แจงข้อเท็จจริง ได้แก่ นายอำเภอเทิง ท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย ท้องถิ่นอำเภอเทิง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย สาธารณสุขอำเภอเทิง ที่ดินอำเภอเทิง ผู้นำชุมชนในพื้นที่ ต.สันทรายงาม และผู้บริหารเทศบาลตำบลสันทรายงาม
ก่อนเข้าร่วมประชุม ชาวบ้านกลุ่มผู้คัดค้านนำโดยนายอรุณ จิณนรักษ์ ประธานกลุ่มผู้คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะตำบลสันทรายงาม ได้นำชาวบ้านจุดธูปเทียนไหว้ขอขมาศาลเจ้าที่ ซึ่งตั้งอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอเทิง จากนั้นได้นำเอาพริกและเกลือที่นำมา และจุดไฟเผา พร้อมทั้งกล่าวคำสาปแช่งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำเอาโครงการโรงไฟฟ้าขยะเข้ามาในพื้นที่ ต.สันทรายงาม ให้พบกับความฉิบหาย ไม่เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน
ในที่ประชุม มีนายบุญส่ง ตินารี นอภ.เทิง เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งชาวบ้านกลุ่มผู้คัดค้านได้ตั้งคำถามไปยังผู้บริหารของเทศบาลตำบลสันทรายงาม ในกระบวนทำโครงการ ตั้งแต่ขั้นตอนการทำประชาคมขอความเห็นชาวบ้าน ไปจนถึงการยื่นหนังสือไปยังกรรมการพิจารณาโครงการในระดับจังหวัด ว่าแต่ละขั้นตอนมีความโปร่งใสมากน้อยแค่ไหน โดยฝั่งเทศบาลตำบลสันทรายงาม นำโดยนายประสิทธิ์ พิลาวุฒิ นายกเทศมนตรีฯ พร้อมทั้งปลัดเทศบาล และหัวหน้าสำนักงาน ทต.สันทรายงาม ได้ร่วมกันชี้แจงขั้นตอนการทำโครงการ ซึ่งบรรยากาศในห้องประชุมตลอดช่วงเช้าวันนี้เป็นไปด้วยความตึงเครียด เพราะฝั่งผู้คัดค้านต้องการให้ทางเทศบาลมีคำตอบให้กับชาวบ้านว่าจะยุติโครงการหรือเดินหน้าโครงการต่อไป แต่ทางเทศบาลชี้แจงว่ายังไม่สามารถให้คำตอบได้ จะต้องมีการเรียกประชุมผู้บริหารและสมาชิกสภาเทศบาลเพื่อหามติร่วมกัน และจะมีหนังสือแจ้งตัวแทนกลุ่มผู้คัดค้านถ้ามีผลมติออกมา ซึ่งชาวบ้านได้ยื่นเวลาให้ทางเทศบาลดำเนินการภายในระยะเวลา 7 วัน แล้วจะมีการรวมตัวไปฟังคำตอบของทางเทศบาลอีกครั้ง หากทางเทศบาลยอมยุติโครงการ ทางชาวบ้านก็จะไม่มีการเคลื่อนไหวต่อ แต่หากคำตอบของเทศบาลออกมาว่ายังเดินหน้าโครงการต่อไป ทางชาวบ้านก็พร้อมจะเดินหน้าไปรัองทุกข์ในหน่วยงานที่สูงขึ้นตามลำดับต่อไปเช่นกัน
นายอรุณ จิณนรักษ์ ประธานกลุ่มผู้คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ต.สันทรายงาม เผยว่า การมารวมตัวของชาวบ้านในพื้นที่ ต.สันทรายงาม ในวันนี้ ก็เพื่อทวงถามคำตอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะว่าจะเดินหน้าไปในทิศทางได ซึ่งจากการพูดคุยกันในเบื้องต้น ทางเทศบาลได้ขอเวลาไปพูดคุยกันในระดับสภาเทศบาล เพื่อหามติว่าจะเดินหน้าโครงการหรือว่ายุติโครงการ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน โดยหลังจากนี้ทางกลุ่มผู้คัดค้านจะรอฟังคำตอบจากผู้บริหารอีกครั้ง หากยอมยุติโครงการ กลุ่มผู้คัดค้านก็จะหยุดการเคลื่อนไหว แต่หากเทศบาลยังเดินหน้า ทางกลุ่มคัดค้านก็จะไปร้องเรียนหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงยกระดับการแสดงออกในการคัดค้านตามลำดับต่อไป
โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะในพื้นที่ ต.สันทรายงาม อ.เทิง จ.เชียงราย เป็นโรงงานไฟฟ้าขนาดกำลังผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ใช้ขยะในการผลิตไฟฟ้าวันละ 500-700 ตันต่อวัน ซึ่งหากสามารถเดินหน้าผลิตได้จริง ทางกลุ่มผู้สนับสนุนให้ข้อมูลว่าจะสามารถแก้ไขปัญการในการกำจัดขยะในพื้นที่ จ.เชียงราย และใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี แต่ชาวบ้านกลุ่มผู้คัดค้านโต้แย้งว่าเป็นโครงการที่ไม่ตอบโจทย์ของชุมชน เพราะพื้นที่ ต.สันทรายงาม เป็นชุมชนเกษตรกรรม และพื้นที่เป้าหมายก็อยู่ใกล้กับชุมชนและแหล่งน้ำธรรมชาติ หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ในระยะยาว
ซึ่งในขั้นตอนการดำเนินโครงการ นายเจตณรงค์ อินกัน ท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า กระบวนการในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ มีขั้นตอนการดำเนินงานทั้งหมด 11 ขั้นตอน โดยปัจจุบันโครงการของ ทต.สันทรายงาม อยู่ในขั้นตอนที่ 5 ซึ่งเป็นกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาระดับจังหวัด โดยหากผ่านในขั้นตอนนี้ก็จะไปสู่ขั้นตอนการยื่นให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา จากนั้นหากผ่านการพิจารณา ในขั้นตอนที่ 7 ก็จะให้ทางเทศบาลยกร่างสัญญาที่จะหาเอกชนเข้าร่วมงาน และส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่าภาครัฐได้เปรียบหรือเสียเปรียบในร่างสัญญาดังกล่าว ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดสามารถยกเลิกได้ในทุกขั้นตอน อยู่ที่หน่วยงานต้นเรื่อง ซึ่งในที่นี้คือเทศบาล จะไปพิจารณาไม่ยื่นเรื่องหรือยื่นขอยกเลิกโครงการก็สามารถทำได้ โดยในวันนี้ทางท้องถิ่นจังหวัดรู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมรับฟังปัญหาและข้อโต้แย้งของชาวบ้าน หลังจากนี้ก็จะกลับไปตรวจสอบเอกสารตามที่ได้รับการโต้แย้งมาอย่างถี่ถ้วน ว่าหน่วยงานต้นเรื่องได้ดำเนินการเป็นไปโดยชอบหรือไม่ และหากพบความผิดปกติก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบต่อไป
