เชียงราย-พ่อสุดทน! เห็นลูกสาวโดนลูกเขยทาสยาทำร้ายเหมือนเป็นกระสอบทราย ตัดสินใจใช้มีดจ้วงแทงเสียชีวิต ด้านลูกสาววอนขอความเห็นใจจากศาลเพราะพ่อเป็นเสาหลักเดียวของครอบครัว และก่อเหตุเพราะต้องการปกป้องลูก
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 66 ผู้สื่อข่าวติดตามกรณีพ่อตาใช้มีดแทงลูกเขยจนเสียชีวิต และถูกดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตาย โดยล่าสุดทางครอบครัวผู้ก่อเหตุอยากวอนขอความเห็นใจจากศาล เหตุเพราะพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว และก่อเหตุไปเพราะต้องการปกป้องลูกสาวที่โดนทำร้ายไม่เว้นวัน
เหตุสลดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงเชียงรุ้ง และมูลนิธิสยามรวมใจ(ปู่อินทร์)จุดอำเภอเวียงเชียงรุ้ง ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายกันด้วยอาวุธมีดจนเสียชีวิต ที่บ้านห้วยหมากเอียก ม.5 ต.ป่าซาง อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เมื่อไปถึงพบผู้เสียชีวิตคือนายเอกชัย ภูแว่น อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 336 ม.5 ต.ป่าซาง อ.เวียงเชียงรุ้ง ถูกแทงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุด้วยอาวุธมีด มีบาดแผลรวม 3 แผล ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายจันทร์ตา เงินชะจา อายุ 59 ปี บ้านเลขที่ 240 ม.5 ต.ป่าซาง อ.เวียงเชียงรุ้ง ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา (ปกป้องลูกสาว) ส่วนศพผู้เสียชีวิตได้ทำพิธีฌาปณกิจศพไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ที่บ้านเลขที่ 336 ม.5 ต.ป่าซาง อ.เวียงเชียงรุ้ง โดย น.ส.สิริมล ภูแว่น อายุ 33 ปี ภรรยาของนายเอกชัย ผู้เสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า ตนเองแต่งงานอยู่กินกับนายเอกชัยมานาน 18 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกสาวคนโตอายุ 16 ปี ส่วนลูกชายคนเล็กอายุ 4 ปี แรกๆสามีก็มีการเสพยาบ้างแต่ไม่มาก แต่มาช่วงหลังๆมานี้จะเสพมากขึ้น จนมาช่วงประมาณเดือนครึ่งมานี้จะเสพหนักมาก เวลาเมายาก็จะมาก่อเหตุำร้ายร่างกายตนตลอด โดยจะกล่าวหาว่าตนแอบมีชู้ และจะคอยเช็คมือถือตน ทั้งที่ตนก็ไม่ได้เติมเน็ตมานานนับเดือน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเราไม่มีใคร ตนถูกล็อตเตอรี่ 1 ใบ สามีก็หาเรื่องบอกว่าถูกหลายใบแต่เอาซ่อน หาเรื่องมาทำร้ายตนทุกครั้งที่เสพยา ตนโดนทั้งเตะ ทั้งต่อย และยังเคยโดนฟาดด้วยไม้อีก มีบาดแผลทั่วร่างกาย และพยายามจะขังตนไว้ในบ้านไม่ให้ออกไปไหน แต่เวลาต้องการใช้เงินก็จะให้ตนไปขอพ่อกับแม่มาให้ ซึ่งเวลาไปขอพ่อกับแม่ก็พยายามจะหามาให้ตลอด เพราะสงสารกลัวว่าตนจะถูกสามีทำร้าย เพราะชาวบ้านจะรู้กันดีว่าสามีเสพยา และเป็นคนอารมณ์ร้าย ทำร้ายตนเป็นประจำ โดนซ้อมประจำทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น ทุกครั้งที่เมายา จนลูกสาวคนโตทนดูไม่ได้ ต้องไปอยู่ที่บ้านของยายแทน
น.ส.สิริมล เล่าต่อว่า วันเกิดเหตุสามีก็ก่อเหตุทำร้ายร่างกายตนอีกที่ข้างในบ้าน มีการทุบตี ดึงผม ทำร้ายจนตนเองสลบไปไม่รู้กี่นาที เมื่อฟื้นขึ้นมาตนก็เลยวิ่งออกไปที่หน้าบ้านเพื่อไปขอความช่วยเหลือ และแม่ที่เห็นเหตุการณ์ก็โทรตามพ่อมาช่วยห้าม โดยได้หยิบมีดที่ตนวางไว้ในบ้านเพื่อใช้ซ่อมท่อประปาที่หน้าบ้านติดมือมาด้วย ในจังหวะที่ตนถูกสามีทำร้ายที่บริเวณหน้าบ้าน พ่อได้พยายามเขาห้าม แต่สามีไม่ยอมฟัง พ่อจึงใช้มีดแทงไปที่กลางหลังสามี 1 ครั้ง แต่ยังไม่เป็นอะไรมาก จากนั้นตนจึงสวยโอกาสวิ่งหลบหนีไป แต่สามีก็ยังวิ่งตามตนมาอยู่ โดยมีการขู่ว่าจะฆ่าตนเองให้ตายด้วย จนตนวิ่งผ่านหน้าร้านขายของมีภาพวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ซึ่งจะเห็นภาพสามีที่ไล่ติดตามคนมา ได้พยายามจะขับขี่รถ จยย.ที่จอดหน้าร้านขายของชำ แต่คาดว่ารถไม่มีกุญแจ สามีจึงทิ้งรถมาวิ่งตามตนต่อ จากนั้นตนได้วิ่งไปหาที่หลบและไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น จนเหตุการณ์สงบไปจึงมาทราบภายหลังว่า พ่อที่วิ่งติดตามมาได้เข้าไปต่อสู้กับสามีและแย่งมีดกัน แต่พ่อก็ชิงแทงสามีจนเสียชีวิต และยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจุดเสียชีวิตเป็นบ้านเพื่อนบ้านอยู่ห่างจากบ้านสามีตนประมาณ 150-200 ม.
“ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาพ่อว่า “ฆ่าคนตายโดยเจตนา” แต่ก็ได้ระบุสาเหตุว่าปกป้องลูกสาวไว้ด้วย ตนรู้สึกสงสารพ่อที่ต้องมาก่อเหตุดังกล่าวเพราะปกป้องตน แต่ทางฝั่งญาติของสามีก็ยังมองว่าพ่อทำเกินกว่าเหตุ แต่ตนก็มาคิดว่าถ้าพ่อไม่ทำ คนที่ต้องตายในวันนั้นน่าจะมีหลายคน ทุกวันนี้พ่อถือเป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลค่าใช้จ่ายภายในบ้านของตนเอง ซึ่งมีทั้งแม่ตนซึ่งตาบอดมาตั้งแต่เกิด มีทั้งแม่ยาย และลูกสาวคนโตที่ไปอาศัยอยู่ด้วย แถมยังดูแลรวมมาถึงบ้านของตนซึ่งอยู่อาศัยกัน 3 คน ได้แก่ ตน สามี และลูกชายคนเล็ก ค่าใช้จ่ายทั้งหมดมีพ่อที่ทำอาชีพรับจ้างก่อสร้าง ได้เงินมาวันละ 400 บาท เป็นคนดูแลทั้งหมด 2 ครอบครัว ตอนนี้เมื่อขาดพ่อที่เป็นเสาหลักไปก็ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปยังไง ทั้งหนี้สินที่ค้าง ทั้งค่าใช้จ่ายประจำวัน ก็เลยอยากขอความเห็นใจจากทางศาล ช่วยเมตตาตัดสินโทษให้พ่อจำคุกไม่นาน และอยากฝากให้พ่ออย่าคิดมาก ตนจะคอยดูแลแม่และทุกคนในบ้านเอง ไม่ต้องเป็นห่วง” น.ส.สิริมล กล่าว
