กรุงเทพฯ – นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ไม่กลัวทัวร์ลง ซัด ‘นายพิธา-พรรคก้าวไกล’ อย่าหลงระเริง 14 ล้านเสียง จ้องแต่จะแก้มาตรา 112 ขณะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ย้อน “พูดแล้วทำ” เพราะสัญญาประชาชน ลั่น คุณสมบัติสมบูรณ์แบบ ไม่อยากให้มีศาลเตี้ยในรัฐสภา
วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 การประชุมรัฐสภา วาระพิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยมีการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เพื่อให้สมาชิกเลือกเพียงคนเดียว
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เป็นผู้อภิปรายคนแรก โดยอ่านแถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่แสดงเจตจำนงตั้งรัฐบาล แสดงจุดยืนทางการเมืองต่อกรณีการแก้ไขหรือยกเลิกมาตราดังกล่าว ถ้าพรรคการเมืองที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ พรรคภูมิใจไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างมีคุณภาพ และจะคัดค้านแก้ไข ม.112 อย่างเต็มที่
นายชาดา อภิปรายต่อว่า นายพิธา อ้าง 14 ล้านเสียงที่เห็นด้วยให้แก้ไข ม.112 แต่ส่วนตัวเชื่อว่า คนที่ลงคะแนนให้ ไม่คิดว่านายพิธาและพรรคก้าวไกล กำลังแก้กฎหมายให้ ‘สถาบันไม่เป็นสถาบันหลักของชาติ’ ไม่ใช่ความมั่นคงของชาติอีกต่อไป นโยบายนี้เก็บไว้ก่อนไม่ได้หรือ
“14 ล้านเสียงไม่ถึง 20 % อย่านึกว่ามันมากมาย อย่าหลงระเริงคำว่า 14 ล้านเสียง ไม่ใช่เรื่องชี้ขาดของประเทศนี้ มันเป็นเรื่องที่ท่านต้องดูแลคนทุกคน และปัญหาความมั่นคงของชาติ หากจะอ้างอย่างนี้ก็ลำบากประเทศไทย”
“ถ้าท่านปล่อยให้คนด่าแล้วไม่มีกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ ประเทศไทย จะยิงกันหมด ผมอาจจะขอเขาว่า ขอออกกฎหมายใหม่ ยิงคนที่หมิ่นสถาบันแล้วไม่ติดคุก” นายชาดา กล่าวอย่างมีอารมณ์
ขณะที่ ‘พิธา’ ย้อนสโลแกนพรรคภูมิใจไทย “พูดแล้วทำ” เดินหน้าแก้ ม.112 แม้ไม่อยู่ในเอ็มโอยู เพราะสัญญาประชาชนไว้ โต้ เวทีนี้เลือกนายกฯ ไม่ใช่เวทีแก้กฎหมาย
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ใช้สิทธิพาดพิงชี้แจงการอภิปรายของ นายชาดา ว่า ตนเองพยายามพัฒนาภาวะผู้นำให้เป็นคนรักษาคำพูด เหมือนสโลแกนของพรรคภูมิใจไทยที่ว่า “พูดแล้วทำ” สัญญาอะไรที่ให้ไว้กับประชาชนคงทำตามอย่างนั้น ถึงจะไม่เห็นด้วยกับทุกเรื่องที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ พูด แต่เวทีนี้เป็นเวทีเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เวทีการแก้กฎหมายใด ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้นำที่ดีต้องมีความอดกลั้น รับฟังข้อกล่าวหาทั้งจริงและไม่จริง
สำหรับประเด็นมาตรา 112 ไม่อยู่ในเอ็มโอยู ของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล เพราะการแก้ไขกฎหมายอยู่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะพิจารณา เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชน
“ผมไม่เห็นด้วยที่บอกว่า ใครหมิ่นสถาบันให้เอาปืนไปยิงเลย ซึ่งเท่ากับไม่รู้ถึงวัฒนธรรมรับผิดรับชอบ ผมไม่แน่ใจว่าคนที่สูญเสียไปตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิง เมื่อหลายปีก่อน 99 ศพ ที่ราชประสงค์ เป็นต้น และย้อนหลังไปถึง 6 ตุลา 14 ตุลา เป็นต้น เขาจะรู้สึกยังไง เมื่อมีคนอภิปรายเรื่องนี้ในสภาแห่งนี้”
นายพิธา ยังอ้างถึงกฎไอซีซี ที่มีหลักการว่า อาชญากรรรมทางสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ขณะนี้มีประเทศที่ปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวม 27 ประเทศ ซึ่งมีบางประเทศลงนามรับรองแล้ว ทั้งนี้ องค์พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง ใช้อำนาจผ่าน ครม.
ติดตามการถ่ายทอดสดได้ที่ :
