สระแก้ว – เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในพื้นที่ จ.สระแก้วถอดใจ 1-2 ปี หลังเกิดวิกฤตโรคลัมปีสกินระบาด น้ำนมดิบต่อวันลดฮวบจากวันละ 20 กก./ตัว/วัน เหลือแค่ 11-12 กก./ตัว/วัน ส่งผลให้หลายฟาร์มรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหวเลิกเลี้ยงวัวไปจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 25 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดวิกฤติปัญหาการขาดแคลนน้ำนมดิบในประเทศในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตนมโรงเรียนทั่วประเทศนั้น นายไสว พิมพ์เสนา อายุ 78 ปี เจ้าของฟาร์มเลี้ยงโคนมพิมพ์เสนา บ้านวังใหม่ ซ.7 ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นครอบครัวที่เลี้ยงโคนมมาตั้งแต่เริ่มต้นจัดตั้งสหกรณ์โคนมฯรุ่นแรกเมื่อปี 2530 ปัจจุบันมีโคนมอยู่ทั้งหมดเกือบ 100 ตัว และมีวัวนมที่ให้นมอยู่ในปัจจุบันประมาณ 40 ตัวต่อวัน เปิดใจกับทีมข่าวว่า อาชีพเลี้ยงโคนมวันนี้ เลี้ยงลำบากมาก ตอนนี้ไม่เหลือ จะไม่พอค่าอาหารด้วยซ้ำ ซื้อฟางทีต้องขายวัว เพราะนมไม่เหมือนแต่ก่อน ไม่เวิร์ค แต่ก่อนที่บ้านได้ไม่ต่อกว่า 18-20 กก./ตัว/วัน เดี๋ยวนี้เหลือ 11-12 กก./ตัว/วัน ซึ่งการรีดก็พอกันเท่ากัน ซึ่งปัญหามันเยอะเดี๋ยวนี้ทำให้คนยุบฟาร์มเลิกเลี้ยงไปเยอะ ไม่มีเงินซื้อฟางให้มันก็ต้องขาย เพราะเงินนมมันไม่เหลือ ซึ่งราคาขายนมวัวขณะนี้อยู่ไม่ได้แน่ ยังไม่รู้ว่าจะอยู่ได้แค่ไหนก็ไม่รู้ ซึ่งช่วงประมาณ 2 ปีที่ผ่านมายังพอได้นมอยู่ แต่หลังจากโรคลัมปีสกิน เข้ามาในประเทศไทย หลังจากวัวนมฟื้นแล้วหายแล้ว ก็ไม่ได้นมเหมือนเดิม หลังจากโรคลัมปีสกินเข้ามา ไม่รู้ว่าเป็นที่วัคซีนที่ฉีดให้วัวหรือเปล่า ทำให้เกษตรกรเลิกเลี้ยงกันไปเยอะ
ลุงไสว บอกอีกว่า ได้น้ำนมลดลง อาหารสัตว์ขึ้นราคา ปีที่แล้ว 1-2 เดือนขึ้นราคา แต่น้ำนมไม่ได้ขึ้นตาม ก็อยู่กันไม่ได้ ก่อนหน้านี้เคยได้น้ำนมดี ส่งวันละ 700-800 กก./วัน เดี๋ยวนี้รีดพอ ๆ กันได้น้ำนมส่งวันละแค่ 400 กก./วัน บางวันไม่ถึง 400 กก.ด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ขึ้นมา โดยเฉพาะอาหาร จึงเลิกเลี้ยงกันไปมาก เพราะอยู่ไม่ได้ ทำต่อก็เป็นหนี้เค้า ขายวัวไปเรื่อย ๆ นมยิ่งลดไปอีก ไม่มีใช้ก็ต้องขายวัวออกไป เพื่อซื้อฟางซื้ออาหาร สุดท้ายอยู่ไม่ได้ก็ต้องขายและเลิกเลี้ยงไป ตอนนี้เลิกไปเยอะแล้วเหลืออยู่เพียงไม่กี่ฟาร์มเท่านั้น
“ตอนนี้เราจะไปดิ้นรนมากก็ดิ้นไม่ได้ เพราะว่าต้นทุนมันก็สูง ยังไม่รู้ว่าจะเลี้ยงต่อไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงไม่นาน จากเดิมที่เลี้ยงมาตั้งแต่รุ่นแรกปี 2530-2531 ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป หากจำเป็นก็ต้องเลิกเลี้ยงกัน เพราะค่าฟางปีหนึ่งหลายแสนบาท ส่วนค่าอาหารจากราคา 30 บาท ,35 บาท ขึ้นเป็น 40 บาท ซึ่งปีที่แล้วซื้อถึง 80 บาท ขณะที่ราคานม เพิ่มมาแค่ 1.50 บาท เท่านั้น ตอนแรกราคานม 17.50 บาท เห็นว่า เพิ่มเป็น 19.00 บาท ตามจริงก็ได้ไม่ถึง 19.00 บาท เพราะหักแล้วเหลือ 18 บาทกว่า ๆ เท่านั้น และมาประสบปัญหาน้ำนมลดลงกันทุกฟาร์ม โรคก็หายแล้วแต่นมไม่กลับคืนมาอย่างเก่า วัวนมทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีโรคอะไร มีการฉีดวัคซีนครบหมดโดยสั่งซื้อวัคซีนมาจาก จ.ขอนแก่น ซึ่งหลังจากโรคระบาดหายไปปัญหาน้ำนมลดลงก็มาเกิดขึ้นตามในปัจจุบัน”
—————————–
ข่าว-ภาพโดย/ธนภัท กิจจาโกศล กนกกาญจน์ วงษ์ชัยยะ ทีมข่าวสระแก้ว
