ผอ.ทสจ.ประจวบฯ พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้อง พิธีเปิด “กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” ภายใต้โครงการส่งเสริมการยกระดับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กิจกรรมย่อย ป่าครอบครัว สืบสานปณิธานพ่อ สานต่อเศรษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์เรียนรู้ป่าครอบครัว ด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารกับป่าชายเลน หมู่ที่ 5 ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ชาวบ้านในชุมชนอยากให้หน่วยงานภาครัฐ เร่งจัดหางบประมาณดำเนินการจัดซ่อมสะพานไม้ไผ่ที่เดินชมป่าชายเลนให้มีความคงทน และเป็นมาตรฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้พันธ์ไม้ป่าชายเลน
( วันนี้ 26 กรกฏาคม 2566) นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธีเปิด “กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” ภายใต้โครงการส่งเสริมการยกระดับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กิจกรรมย่อย ป่าครอบครัว สืบสานปณิธานพ่อ สานต่อเศรษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์เรียนรู้ป่าครอบครัว ด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารกับป่าชายเลน หมู่ที่ 5 ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนางสาวปุริกา เนตรสว่าง ปลัดอำเภอบางสะพาน นายพุด จงบรรจบ ผู้ใหญ่บ้านปากคลอง นางเนาวรัตน์ สายชุ่มอินทร์ ผอ.ส่วนยุทธศาสตร์ฯ และเจ้าหน้าที่ ทสจ.ประจวบฯ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ นายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา หน.อช.อ่าวสยาม(เตรียมการ) พร้อมเจ้าหน้าที่ ศูนย์ป่าไม้จังหวัดประจวบฯ หน่วยเรือตรวจประมงทะเลบางสะพาน ส.อบจ.ประจวบฯ รองนายก อบต.แม่รำพึง คณะ ครู นักเรียน โรงเรียนบางสะพานวิทยา ชาวบ้านชุมชนบ้านปากคลอง กลุ่มเครือข่ายชาวประมง เครือข่าย ทสม. เครือข่ายป่าครอบครัว เครือสหวิริยา บางสะพานรีสอร์ท ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าร่วมพิธีเปิด
นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าด้วยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีนโยบายขับเคลื่อนการเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ร้อยละ 40 ของพื้นที่จังหวัด ด้วยแนวทางเพิ่มพื้นที่ป่านอกเขตป่าอนุรักษ์ จำนวน 4,810,173 ต้นจากการเก็บสถิติการปลูกต้นไม้โครงการรวมใจไทย ปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดิน (forest.go.th) ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 พบว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดที่มีการปลูกต้นไม้มากที่สุดลำดับที่ 41 ของประเทศ มีจำนวนผู้ลงทะเบียนปลูก จำนวน 3,461 ท่าน จำนวน 979,913 ต้น
การจัดกิจกรรมในวันนี้ เป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้เห็นความสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดยชุมชน เป็นการปลูกต้นไม้ในใจคน ด้วยแนวคิดการปลูกป่านอกป่า หรือการยกป่ามาไว้ในบ้าน หรือที่เรียกว่า “ป่าครอบครัว” ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางสังคมเพื่อชีวิตและความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นเรื่องใหม่ที่อยู่บนฐานคิดที่ว่า “ครอบครัวเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม และมีบทบาทสำคัญที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ”
โอกาสนี้จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างป่าครอบครัว และร่วมลงทะเบียนบันทึกการปลูกต้นไม้ ในโครงการรวมใจไทย ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ผ่านเวปไซต์ plant.forest.go.th เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปลูกต้นไม้ จำนวน 4,810,173 ต้น ตามนโยบายการเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ร้อยละ 40 ของพื้นที่จังหวัดต่อไป ซึ่งสามารถขอรับกล้าไม้ได้จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
จากนั้นนายก อบจ.ประจวบฯ ได้เป็นตัวแทนมอบของที่ระลึกผลิตภัณฑ์จากเครือข่ายป่าครอบครัวในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้กับหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรม และเดินเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์จากเครือข่าย ทสม. และเครือข่ายป่าครอบครอบต่างๆที่นำมาจัดแสดงและจำหน่ายอาทิ บ้านสำโหรง กุยบุรี บ้านม้าร้อง บ้านทางสาย ป่าพรุแม่รำพึง และ ป่าครอบครัวแม่รำพึง บางสะพาน ทั้งนี้เครือข่ายป่าครอบครัวที่มาร่วมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ในวันนี้ต่างรู้สึกดีใจที่ทาง ทสจ.ประจวบฯ ได้เปิดโอกาสให้นำผลิตภัณฑ์มาจำหน่าย และยังได้มีโอกาสพบปะเครือข่ายในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายในวันนี้ได้รับความสนใจทุกเครือข่ายสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็นการสร้างรายได้ให้กับเครือข่ายป่าครอบครัวอีกทาง นอกจากนั้นแล้วหลายเดือนที่ผ่านมา เครือข่ายป่าครอบครัวในแต่ละอำเภอ ยังได้รับการประชาสัมพันธ์เริ่มเป็นที่รู้จักทั้งในและนอกพื้นที่อีกด้วย
นอกจากนั้นนายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังได้นำผู้เข้าร่วมกินกรรมร่วมกันใช้ฝักโกงกางปลูกลงในพื้นที่บริเวณเส้นทางสะพานไม้ไผ่ ในพื้นที่บ้านปากคลอง เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าโกงกางซึ่งเส้นทางสะพานไม้ไผ่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และยังเป็นสถานที่เรียนรู้พันธุ์ไม้ป่าชายเลนของ นักเรียน นักศึกษาในทุกสัปดาห์
โดยชาวบ้านในชุมชนบ้านปากคลอง ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน ยังได้ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันหางบประมาณในการดำเนินการซ่อมแซมสะพานไม้แห่งนี้ให้มีความมั่นคงแข็งแรง หรือหากมีความเป็นไปได้อยากให้มีการจัดทำเส้นทางเดินชมป่าชายเลนแห่งนี้ให้เป็นมาตรฐานเหมือนกับทาง วนอุทยานปราณบุรี หรือศูนย์สิรินาถราชินี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: