กรุงเทพฯ – รองประธาน ส.อ.ท. ชี้ 3 เหตุผล ลดค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปี 2566 ได้มากกว่า 25 สตางค์ ติง รัฐบาลรักษาการณ์ไม่สนใจข้อเสนอ
กรณีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีไฟฟ้า งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 ที่เรียกเก็บ 66.89 สตางค์ต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับลดลงจากงวดปัจจุบัน พฤษภาคม–สิงหาคม 4.70 บาทต่อหน่วย ลงมาอยู่ที่ 4.45 บาทต่อหน่วย หรือลดลงเพียง 25 สตางค์ต่อหน่วย
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า เอกชนไม่ยอมรับมติค่าไฟฟ้าดังกล่าว เพราะปัจจุบัน ปัจจัยบวกทั้งภายในและภายนอกมากมาย ที่ทำค่าไฟฟ้าลดลงได้ มากกว่า 4.45 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบัน 4.70 บาทต่อหน่วย ที่ผ่านมา ข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) นำส่งถึงรัฐบาลแล้ว 2 รอบ แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับ
นายอิศเรศ มองว่า ค่าไฟงวดที่ 3/66 (กันยายน-ธันวาคม) ยังลงได้มากกว่าที่ กกพ.ประกาศ ด้วยเหตุผล ดังนี้
1.การจัดการยืดหนี้ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพราะก๊าซแอลเอ็นจี นำเข้า จ่ายจริงต่ำกว่าสมมุติฐานในการเรียกเก็บค่าไฟงวด 1 และงวด 2
2.การจัดซื้อ แอลเอ็นจี ควรเป็นวันทีม One Team ได้มีการพิจารณา สั่งการหรือไม่ อย่างไร
3.ควรรื้อโครงสร้างค่าก๊าซธรรมชาติที่ใช้ ระหว่าง ปิโตรเคมี ผู้ผลิตไฟฟ้า และอื่น ๆ อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
“หากกลไกภายใต้รัฐบาลรักษาการณ์เป็นแบบนี้ คงต้องเป็นการบ้านเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ ที่ต้องเข้ามาปฏิรูปเชิงรุก” นายอิศเรศ กล่าวทิ้งท้าย
