ตำรวจสมุทรปราการโชว์ผลงาน ตามรวบตัวสาวโรงงานบุกจี้ร้านทอง ชิงทอง 37 เส้น นำหนักรวมประมาณ 9 บาท มูลค่าประมาณ 3 แสนบาท โดยสามารถตามจับกุมได้ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุ เจ้าตัวอ้างหาเงินไปจ่ายค่าบ้าน ค่ารถ และใช้หนี้
จากกรณี เมื่อช่วยเย็น วันที่ 4 สิงหาคม 2566 ได้มีคนร้ายซึ่งคาดการณ์ว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งไปก่อเหตุจี้พนักงานในร้านทองให้ส่งถาดทองให้ก่อนจะกวาดเอาสร้อยคอทองน้ำหนักหนึ่งสลึงไป ตามรายงานในตอนแรกคาดว่าคนร้ายได้ไปทั้งหมด 37 เส้น รวมน้ำหนักประมาณ 9 บาท มูลค่าประมาณ 3 แสนบาท ซึ่งหลังเกิดเหตุ ผู้บังคับบัญชาของตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ระดับ ผบ.ตร. ไล่ลงมายันผู้การจังหวัด ได้สั่งกำชับให้ฝ่ายสืบสวนไปเร่งติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาให้ได้ เนื่องจากเป็นการก่อเหตุใจกลางชุมชน และไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย กระทั่งช่วงสายของวันที่ 5 สิงหาคม 2566 พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะหัวหน้าทีมสืบสวน ได้เรียกประชุม ชุดสืบสวนทั้งสืบภาค 1 สืบจังหวัด สืบ สภ.บางเสาธง และชุดสืบสวน สภ.บางพลี ประชุมแบ่งงานออกติดตามหาเบาะแสของคนร้ายกระทั่งมีข้อมูลจากแหล่งข่าวพลเมืองดีรายหนึ่งที่ คุ้นเคยรูปพรรณสัณฐานและน้ำเสียงของคนร้ายรายนี้ออกมาให้เบาะแสกับทางตำรวจจนทราบตัวหญิงต้องสงสัยรายนี้
ข่าวน่าสนใจ:
- คอกาแฟแห่เที่ยวงานพังงาคอฟฟี่เจอร์นี่ ซีซั่น 3 ภายใต้รูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Coffee in the Park ในสวนสมเด็จฯพังงา
- สอ.สามัญศึกษาเพชรบูรณ์ประชุมใหญ่ โชว์กำไร 52 ล้าน พร้อมเลือกตั้งกรรมการและผู้ตรวจสอบกิจการ
- บุรีรัมย์ คริสตจักรเมืองบุรีรัมย์ จัดงานเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส ส่งความสุขก่อนปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่
- พิธีเปิดนิทรรศการฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์และสัตว์ร่วมยุคในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้ดักจับกุมตัวหญิงต้องสงสัยรายนี้ คือ นาง วนิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี หัวหน้าคนงานของโรงงานแห่งหนึ่งในอำเภอบางเสาธง โดยจับตัวได้ในขณะที่กำลังกลับเข้าบ้านพักย่านอำเภอบางเสาธง โดยเธอจำนนด้วยหลักฐานทั้งจากกล้องวงจรปิดและพยานหลักฐานอื่น จึงรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง ตำรวจจึงขยายผลตามไปยึดของกลาง สร้อยคอทองคำที่ซุกซ่อนภายในกระเป๋าวางไว้ภายในบ้านพักจากนั้นขยายผลตามไปจึงของกลางไม่ว่าจะเป็นรองเท้า เสื้อผ้า ถุงมือ ที่ใช้สวมใส่ในการก่อเหตุ และคุมตัวผู้ต้องหารายนี้มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.บางเสาธงพร้อมกับของกลาง เป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนักเส้นละ 1 สลึง จำนวน 28 เส้น นอกจากนั้นยังมีบางส่วนที่ขาดหายไปจากการก่อเหตุ ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้นำสร้อยคอจำนวน 5 เส้นไปขายให้กับร้านทองในห้างเมกาบางนาในราคาเส้นละ 1 หมื่นบาท ก่อนจะนำเงินไปใช้หนี้สินบางส่วนแล้ว โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง อ้างว่าหาเงินจ่ายค่าบ้านค่ารถ
ด้าน นายเอ (นามสมมุติ) สามีของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ยังช็อกกับการจับกุมภรรยาของตนเองในครั้งนี้ ไม่คิดว่าจะกล้าลงมือก่อเหตุ ช่วงค่ำวานเลิกงานที่บริษัทเดียวกันและยังกลับบ้านพร้อมกันโดยไม่พบพิรุธของภรรยาแต่อย่างใด กระทั่งมาทราบเรื่องว่าภรรยาถูกจับ ส่วนสาเหตุก็คาดว่าจะมาจากหนี้สินในโรงงานหรืออาจะเป็นหนี้นอกระบบ ซึ่งภรรยาไม่เคยบอกอะไรกับตนเอง แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนเองก็เคยช่วยใช้หนี้ไปบ้างแล้วบางส่วน
พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางเสาธง เปิดเผยว่าสำหรับคดีนี้ หลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่หาเบาะแสของ จนสามารถติดตามจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็วและยึดของกลางเป็นสร้อยคอกลับมาได้ค่อนข้างเกือบหมด มีเพียง 5 เส้นที่คนร้ายนำไปขายในช่วงสายของวันนี้ ส่วนสาเหตุที่ลงมือคนร้ายอ้างว่ามาจากการต้องหาเงินไปจ่ายค่างวดรถค่างวดบ้านรวมถึงภาระในครอบครัวจึงคิดสั้นลงมือก่อเหตุ ส่วนอาวุธที่นำมาข่มขู่พนักงานตามคลิปวงจรปิดนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นชุดกันฝนลักษณะเป็นกางเกงกันฝนสีฟ้านำมาพันม้วนให้ดูคล้ายกับมีอาวุธในการก่อเหตุ โดยในเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในการหลบหนี เตรียมนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุไม่ประสงค์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ยอมรับว่าก่อเหตุจริง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: