นี่คือภาพเหตุการณ์ที่กำลังเจ้าหน้าที่ กองกับกับการตำรวจตระเวนชายแดน หรือ กก.ตชด.ที่ 32 พะเยา และ กก.ตชด.33 เชียงใหม่ ตร.สภ.วังเหนือ ฝ่ายปกครอง อ.วังเหนือ จ.ลำปาง โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.ประกอบ พลเดชา ผกบ.ตชด.ภาค 3 กำลังเข้าไปตรวจสอบรถต้องสงสัยที่ประสบอุบัติเหตุเสียหลักพุงตกข้างถนนรถตะแคงซ้าย หลังรถคันดังกล่าวได้ขับรถหลบหนีการไล่ล่าติดตามของเจ้าหน้าที่แล้วไปประสบอุบัติเหตุ ทำให้มีคนติดภายในรถ 2 คน และมีห่อถุงพสาสติกสีดำขนาดใหญ่อยู่หลังที่นั่งคนขับหลายใบ เหตุเกิดบริเวณถนนสายวังเหนือ -พะเยา กิโลเมตรที่ 25-26 บ.ตึงเหนือ ม.2 ต.วังทอง อ.วังเหนือ จ.ลำปาง เหตุเกิดเช้ามืดวันที่ 12 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา
โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังในการเข้าไปตรวจสอบ เพราะรถที่ประสบอุบัติเหตุ ตรงกับที่สายบลับรานยงานว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดมากับรถคันดังกล่าว มุ่งหน้าเข้า อ.วังเหนือ จ.ลำปาง เพื่อที่จะหลบเลี่ยงด่านตรวจต่างๆเข้าไปยังภาคกลางต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ต้องทุบกระจกและงัดประตูรถเพื่อเอาคนขับออกมาก่อนคือนายจะเต จะมู อายุ 33 ปี ชาวบ้าน ม.5 ต.แม่ทะลบ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ มีบัตรประจำตัวคนต่างด้าว (ไม่สามารถพูดไทยได้) ส่วนอีกคนติดภายในรถเช่นกันเจ้าหน้าที่นำตัวออกมาได้ในเวลาต่อมาคือนายสุระชัย จะลา อายุ 21 ปี ชาวบ้าน ม.10 ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยสวมกุญแจมือทั้งสองคน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปในตัวรถเพื่อตรวจสอบถุงพลาสติกสีดำ ที่ซุกซ่อนภายในรถหลังที่นั่งคนขับ เบื้องต้นพบว่ามีถุงดำทั้งหมด 5 ถุง และกระสอบฟางสีรุ้งอีก 1 ถุง ตรวจสอบพบเป็นเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า นับรวมแล้วทั้งหมด 424,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากชายชาวเมียนม่า ให้ไปขับรถ ในพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย โดยผุ้ต้องหาทั้ง 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์จาก จ.เชียงใหม่ ไป ยังจุดนัดพบที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จากนั้นได้พบชายชาวเมียนมาร์ ขับรถที่ซุกซ่อนยาเสพติดมาจอดแล้วให้ตน 2 คน ขับรถไปยังจุดนัดพบในพื้นที่ จ.ลำปาง ส่วนชายชาวเมียนมาทั้ง 2 คนก็ขับจักรยานยนต์ไปทันที และระหว่างที่ขับรถที่ซุกซ่อนยาเสพติดจะเข้าพื้นที่ จ.ลำปาง ถูกเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจึงขับรถหลบหนีและมาเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวและถูกจับกุม เบื้องต้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.วังเหนือ จ.ลำปาง เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา กระทำผิด “ฐานร่วมกันมายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน)ไว้ในครอบครองอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาติ” ก่อนที่จะขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป
