ฉะเชิงเทรา – อึ้งหนุ่มใหญ่ทุ่มทุนกว่า 30 ล้านบาท สร้างเทวสถานเป็นดินแดน “วังมรกตชมพูทวีป” ผุดเทวรูปปูนปั้นไว้นับพันองค์ เก็บซ่อนมายาวนานถึงกว่า 10 ปีก่อนเปิดให้บุคคลภายนอกได้เข้าเที่ยวชมอย่างตระการตา ส่วนใหญ่เป็นเทพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยมีพระพุทธรูปพระศรีอริยเมไตรยเป็นองค์ประธาน รายล้อมด้วยเหล่าหมู่ฤๅษีและเทพนาคาพญายางู และนางไม้
วันที่ 13 ส.ค.66 เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางไปเยี่ยมชมเทวสถานแห่งหนึ่ง ที่ได้มีการก่อสร้างมาอย่างยาวนานนับสิบปี และเพิ่งมีการเปิดให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาเที่ยวชมฟรีจนถึงสิ้นปีนี้ ในพื้นที่ ม.13 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยได้พบกับ นายไชยา สีโสดา อายุ 52 ปี ภูมิลำเนาเดิมเป็นชาว อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ที่ได้เล่าถึงความเป็นมา เกี่ยวกับสาเหตุในการก่อสร้างเทวสถาน “วังมรกต ชมพูทวีป” อันใหญ่โตมโหฬารแห่งนี้ขึ้นมาว่า
ข่าวน่าสนใจ:
สาเหตุเกิดจากเมื่อปี 2554 ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่จนทำให้ธุรกิจ ซึ่งตนเองและภรรยา คือ นางไพรวัลย์ สีโสดา อายุ 51 ปี ที่เดิมนั้นประกอบกิจการโรงงานผลิตจิวเวลรี่จากเครื่องเงิน อยู่ในย่าน ซ.พัฒนาการ 65 ถ.พัฒนาการ เขตประเวศ กทม. ซึ่งเคยมีคนงานมากถึงประมาณ 700 คนนั้น กิจการได้อยู่ในสภาวะดิ่งลงเหวอีกทั้งภรรยายังเกิดอาการป่วยหนักอย่างไม่ทราบสาเหตุ โดยกินข้าวไม่ได้มาตลอด 3 เดือน และกินแต่เพียงน้ำเท่านั้น จนร่างกายซูบผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก
ทั้งยังมีเสียงของการพูดที่เปล่งออกมาเป็นเสียงผู้ชายบ้าง เสียงโน่นนี่ออกมาบ้าง จนเป็นที่น่าประหลาดใจ ตนเองจึงได้พาไปหาทางรักษา เพื่อรู้ให้ได้ว่าภรรยานั้นเป็นอะไร โดยไปหาเกจิอาจารย์จนทั่วทั้งประเทศ จนกระทั่งไปพบกับพระสงฆ์ทางเหนือที่มีชื่อเสียงได้ระบุว่าเป็นเทพ และมีการประกอบพิธีหาทางช่วย ทั้งรดน้ำมนต์ก็ยังไม่หาย โดยยังคงมีองค์เทพเข้ามาสู่ร่างตลอดเวลา โดยที่ภรรยาตนนั้นสามารถทำนายทายทักดูดวงชะตาได้
จึงได้เปิดให้คนเข้ามาดู แต่ตนเองมองว่าเราทำธุรกิจอยู่ไม่ใช่ทางของเรา จึงได้ต่อรองกับทางพ่อปู่ที่เข้ามาผ่านทางร่างของภรรยาว่า เอาอย่างนี้ตนเองขอสร้างบุญสร้างกุศลในพระพุทธศาสนาดีกว่า แต่ขอให้ปู่ช่วยในเรื่องของการประกอบธุรกิจ จากนั้นจึงได้ให้ภรรยาหยุดดูดวงชะตาให้คนอื่น โดยที่พ่อปู่ซึ่งเป็นเทพได้บอกว่าให้มาสร้างสถานที่แห่งนี้ให้หน่อย เพื่อใช้เป็นสถานที่บวงสรวงในทุกวันลอยกระทง ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ของทุกปี
จึงได้ขับรถมาหาสถานที่เพื่อสร้างเทวสถานแห่งนี้ให้ โดยใช้เวลาแค่เพียง 6 เดือนเท่านั้นจึงสามารถสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งเหมือนกับว่ามีปาฏิหาริย์ที่ทำให้สามารถสร้างได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่ชาวบ้านในพื้นที่เองก็ยังไม่รู้เลยว่าตนเข้ามาสร้างอะไร โดยที่ปู่บอกว่าหากไม่สร้างสถานที่แห่งนี้ให้ ภรรยาก็จะไม่หายป่วย จึงต้องสร้างเพื่อรักษาชีวิตเขาไว้ โดยที่เรานั้นก็ยังพอหาเงินได้
เมื่อสร้างแล้วเสร็จภรรยาก็เริ่มดีขึ้นและเริ่มได้สติคืนมาบ้าง ที่ผ่านมายังไม่เคยเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาเที่ยวชมนานถึงกว่า 10 ปีแล้วหลังจากสร้างเสร็จ พอมาในปีนี้ปู่ได้บอกว่าให้เปิดสถานที่ เพื่อให้คนที่เดือดร้อนเขาได้มากราบไหว้ ขอพร ขอบุญบารมี เราก็จะได้กุศลไปด้วย โดยเจตนาที่เปิดก็เพื่อตรงจุดนี้เท่านั้น ซึ่งสถานที่แห่งนี้ได้เริ่มเปิดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ก.ค.66 หรือประมาณกว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง
สำหรับทุนในการก่อสร้างนั้นเป็นเงินส่วนตัวที่ได้นำมาซื้อที่ดิน 8 ไร่ ซึ่งเดิมเป็นนาข้าว เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วซื้อมาในราคาไร่ละ 9 แสนบาท เมื่อรวมกับราคาค่าถมที่ดินแล้วประมาณ 10 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีสิ่งปลูกสร้างเรือนไทย และองค์เทพปูนปั้นต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 500-600 องค์ รวมกับเหล่าบริวารและนางไม้ และหมู่บ้านลับแลแล้วน่าจะมากถึงกว่า 1 พันองค์ โดยมีเทพหลักๆ 13 พระองค์
โดยมีพระศรีอริยเมไตรย ในทางศาสนาพุทธเป็นองค์ประธาน มีพระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์ พระแม่อุมาเทวี พระแม่รัศมี พระสุรัสวดี พระพิฆเนศ พระอินทราธิราช พระราหู พระแม่ธรณี พระแม่โพสพ พระแม่คงคา พระแม่กาลี และพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ส่วนกลุ่มพญานาคนั้น จะมีองค์พ่ออนันตนาคราช องค์พ่อพญานาคจันทรคุปต์ ปู่ศรีสุทโธ องค์พ่อยมบาล และกลุ่มฤๅษี ประกอบด้วยองค์ปู่เจ้าเขาเขียว ปู่ฤๅษีจินดามณี ปู่ฤๅษีตาไฟ ปู่ฤๅษีกัสปะ ปู่ฤๅษีนวโกฏิ (ฤๅษีก้าวหน้า) กลุ่มนางไม้ เช่น แม่ตานี แม่นางตะเคียน และหมู่บ้านหญิงสาวเมืองลับแลในตำนาน นายไชยา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: