เพจเรื่องจริงนครนายก ได้เปิดเผยข้อมูล มีผู้ปกครอง เข้าร้องขอความช่วยเหลือ ลูกสาว วัย 13 ปี เป็นนักเรียน ชั้น ป.6 ถูกคนร้ายปลอมตัวเป็นครูในโรงเรียน ทักไลน์ บังคับให้ถ่ายภาพโป๊เปลือย อ้างตรวจร่างกาย ก่อนนำไปโพสต์บนสื่อโซเชียล
สอบถามแม่เด็ก ได้เล่าว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 66 มีเพื่อนลูกสาว ชื่อดา ได้ทักมาหาลูกสาว ว่าครูมะตูม ซึ่งเป็นครูผู้หญิงในโรงเรียน จะคุยด้วย ให้แอดไลน์ไปหาครู โดยได้ส่งคิวอาโค้ดไลน์มาให้เด็กผู้เสียหาย ซึ่งตอนแรกน้องดาได้บอกกับครูไปว่า น้องผู้เสียหายไม่เล่นไลน์ แต่ครูก็ขู่น้องดามาว่าทำยังไงก็ได้ให้ แอดมาให้ได้ ไม่งั้นจะซวยทั้งคู่ จนน้องดาต้อง มาบอกเด็กผู้เสียหายให้แอดไลน์ ครู โดยสอนให้น้องผู้เสียหายโหลดแอปไลน์ จนสามารถ ทักไลน์ไปหาคนร้ายที่อ้างว่าเป็นครู จนสำเร็จ ซึ่งรูปโปรไฟล์ไลน์ที่ได้ทักไปหานั้นเป็นรูปครูมะตูม ซึ่งเป็นครูผู้หญิงในโรงเรียนจริง เด็กจึงปักใจเชื่อว่าเป็นครูจริงๆ เนื่องจากเด็กก็ไม่เคยเล่นไลน์ และอายุเพียง 13 ปี ซึ่งไม่ทราบว่าจะมีคนร้ายสามารถปลอมเป็นครูได้ ซึ่งทางคนร้าย ได้ให้เด็กรายงานตัว ว่าชื่อ-นามสกุล อะไร อายุเท่าไหร่ อยู่บ้านกับใครบ้าง นอนกับใครบ้าง เหมือนมีการเช็คข้อมูลว่าใช่ตัวเด็กเป้าหมายจริงหรือไม่ เมื่อรายงานตัวเสร็จ ก็ได้แจ้งกับเด็กว่าครูจะตรวจร่างกาย โดยให้เด็กถอดเสื้อผ้าด้านบนทั้งหมด และให้ถ่ายรูปส่งให้ ถ้าไม่ส่งให้ตามที่สั่ง จะไล่ออกจากโรงเรียน เด็กกลัวถูกไล่ออกเพราะปักใจเชื่อว่าเป็นครูจริงๆ และเป็นครูผู้หญิง จึงได้ถ่ายภาพส่งกลับไปให้ตามที่สั่ง จากนั้น คนร้ายได้เงียบหายไป 2 วัน จนวันที่ 6 ส.ค. 66 คนร้ายได้ติดต่อกลับมาอีกครั้ง และสั่งให้มีการถ่ายภาพเพิ่มเติม ถ้าหากเด็กไม่ยอมทำ จะนำภาพในรอบแรกลงไปโพสต์บนโซเชียล เด็กมีความกลัวจึงได้ถอดเสื้อผ้าเพื่อจะถ่ายภาพส่งไปให้ใหม่อีกครั้ง แต่บังเอิญ แม่เด็กได้เข้ามาเจอพอดี เลยถามว่ากำลังจะทำอะไร เด็กจึงเล่าให้แม่ฟังทั้งหมด ซึ่งแม่ได้สั่งห้าม ไม่ให้ถ่ายไม่ให้ส่ง และบอกว่าไม่ใช่ครูแล้วละ เมื่อเด็กไม่ส่งภาพเพิ่มเติมไปให้ คนร้ายจึงได้สร้างเฟซบุ๊กอวตารใช้ชื่อและภาพเด็กผู้เสียหาย จากนั้นได้ทำการโพสต์ภาพโป๊ของเด็ก และใช้ข้อความหยาบคายลงไป จากนั้นได้ส่งกลับมาให้เด็กผู้เสียหายดูว่ามีการนำภาพออกไปเผยแพร่เรียบร้อยแล้ว
ข่าวน่าสนใจ:
ต่อมาเช้าวันที่ 7 ส.ค. 66 แม่เด็กได้พาเด็กเข้าพบครู ตามรูปภาพที่ปรากฏในแชทไลน์ ที่โรงเรียนที่เด็กได้เรียนอยู่ สอบถามถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งครูบอกว่าไม่ใช่ตัวครู และไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ครูจึงพาแม่และเด็กเข้าแจ้งความ ที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สอบสวน จนมีเบาะแสว่า เป็นกลุ่มรุ่นพี่ในโรงเรียน ซึ่งเป็นเด็กหญิงชั้น ม.3 จำนวน 5 คน และ ม.2 จำนวน 2 คน รวม 7 คน เป็นคนก่อเหตุดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบอกว่าให้แม่เด็กรอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ทางโรงเรียน เรียกผู้ปกครองเด็กทั้ง 7 คน มาพูดคุย จากนั้นคดีก็เงียบหายไป จนวันที่ 10 ส.ค. 66 แม่เด็กได้เข้าพบ ผอ.ของโรงเรียน ติดตามความคืบหน้าถึงความคืบหน้า แต่ ผอ.กับถามกลับว่า แล้วไลน์นั้นยังทักมาอยู่มั้ยละ ถ้าไม่ทักมาแล้วก็ช่างมันเถอะ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แม่ได้ถามกลับไปว่า จะปล่อยให้คดีมันจบแบบเงียบๆ แบบนี้หรอคะ ทางผอ.ได้ตอบกลับมาว่า มันเป็นเพียงอากาศ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำแน่ จบๆ ไปเถอะ จากนั้น ผอ.ได้เห็นเด็กเงียบๆ มีอาการซึมเศร้า ผอ.จึงบอกกับเด็กว่า ไหนยิ้มหน่อยยิ้มแบบเดิมที่หนูเคยยิ้ม พอเด็กยิ้มออกมานิดนึง ผอ.ได้บอกว่า ไม่เป็นไรเนาะลูกเนาะ ของเราสวยซะอย่าง เค้าอยากดูให้เค้าดูไปเถอะ แม่จึงได้บอกกับ ผอ.กลับไปว่า ถ้า ผอ.ช่วยไม่ได้ แม่ก็ขอจบเรื่องกับ ผอ.แค่นี้ และจะหาคนช่วยเอง ซึ่ง ผอ.ก็ถามกลับมาว่าจะไปให้ใครช่วย แม่ก็ไม่ได้ตอบ
จากนั้นเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 66 เวลา 22.00 น. แม่ได้มาขอความช่วยเหลือกับเพจเรื่องจริงนครนายกซึ่งเป็นทีมของมูลนิธิองค์กรทำดีของ ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เพราะแม่เคยติดตามอยู่ตลอดว่าทางเพจได้เคยช่วยเคสหลายๆ เคสจนสำเร็จ เมื่อติดต่อไปที่เพจเรื่องจริงนครนายก ทางทีมแอดมินเพจได้บอกว่าอยู่นอกพื้นที่ จ.นครนายก ทางเพจอาจจะช่วยลำบากหน่อยเพราะคอนแทร็กหน่วยงานต่างๆ ไม่มีเหมือนใน จ.นครนายก แต่รับปากว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ ผ่านไปคืนเดียว ในช่วงเช้าวันที่ 18 ส.ค. 66 ทางเพจเรื่องจริงนครนายก ได้ติดต่อกลับมาหาแม่ และแจ้งว่า ช่วงเช้า ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ได้เข้าพบท่าน พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร ให้ช่วยติดตามคดีเรียบร้อยแล้ว และได้มีคำสั่งเร่งด่วนมาที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี ให้เร่งดำเนินการคดีอย่างเต็มที่ เพราะเด็กนั้นอยู่ใน สภาวะที่จิตใจย่ำแย่ มีอาการซึมเศร้า ไม่อยากไปโรงเรียน เพราะไปแล้วถูกนักเรียนในโรงเรียนมองกันแปลกๆ ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดกับเด็กผู้เสียหายเพียงคนเดียว เนื่องจาก เด็กผู้เสียหาย มีน้องสาวที่เกิดห่างกันเพียง หัวปีท้ายปี ซึ่งหน้านั้นเหมือนกันอย่างกับคู่แฝด ผลกระทบทั้งหมดจึงเกิดกับเด็กทั้ง 2 คน พร้อมๆ กัน เพราะคนเข้าใจผิด ว่าคือคนเดียวกันกับภาพโป๊ที่ได้ถูกเผยแพร่ออกไปตามโซเชียล เมื่อมีคำสั่งจาก ท่าน ผบ.ตร. ลงมา ตลอดทั้งวัน ทางโรงเรียน และทางตำรวจ พยายามติดต่อแม่ และมีคำพูดแปลกๆ และได้ถามแม่ว่าแม่ไปร้องเรียนกับใคร ตอนนี้คือวุ้นกันไปหมด ซึ่งมีชายอ้างว่าเป็นตำรวจ ได้ติดต่อมาหาแม่เด็กและพยายามจะให้แม่เด็กไป พบที่ สภ.แก่งคอย โดยได้บอกแม่เด็กว่ารีบมาก่อนที่นักข่าวจะมา แต่แม่เด็กก็ไม่ตอบรับ เนื่องจากได้นัดกับทีม เพจเรื่องจริงนครนายก ไว้ว่าจะเข้ามาพบ เพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ ส่งให้กับ ดร.บุ๋ม ปนัดดา
ต่อมา เวลา 16.00 น. (18 ส.ค.66) ทีมเพจเรื่องจริงนครนายก มูลนิธิองค์กรทำดี ได้เข้าพบแม่และเด็กที่บ้าน ระหว่างทำการพูดคุยกันอยู่นั้น ได้มี กลุ่มคนขับรถฟอร์ดเอสเข็บ สีทึบ มากันประมาณ 5 คน มีชาย 3 คน แต่งกาย ชุดธรรมดาทั่วไป ลักษณะคล้ายตำรวจ และครูในโรงเรียนเด็กผู้เสียหาย เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน ได้ เข้ามารายงานตัวว่าเป็น สารวัต มาจาก สภ.แก่งคอย จะมาขอสอบปากคำเด็ก โดยได้มีการบอกทีมเพจเรื่องจริงนครนายก มูลนิธิองค์กรทำดี ว่าหากเสร็จธุระแล้ว ขอพูดคุยกับเด็ก ต่อ ไม่ให้ทีมนั้นอยู่ฟังด้วย ทางทีมจึงได้ถอนตัวกลับออกมา
ต่อมา ทีมเพจเรื่องจริงนครนายก มูลนิธิองค์กรทำดี ได้โทรสอบถามกับแม่เด็ก ว่าเจ้าหน้าที่มาพูดคุยอะไรบ้าง แม่เด็กได้บอกว่า เจ้าหน้าที่ชุดนี้ไม่ใช่ชุดที่เคยสอบปากคำแม่ตั้งแต่แรก และมีท่าทีแปลกๆ มีการสอบถามพูดคุยแต่เด็กไม่คุยกับผู้ใหญ่
เมื่อพูดคุยกับเด็กเสร็จ ทางชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจได้บอกว่า ที่ผ่านมาแม่ยังไม่ได้แจ้งความนะ เป็นเพียงลงบันทึกประจำวัน ซึ่งแม่เด็กบอกว่า เข้าใจว่าแจ้งความแล้ว เพราะแม่ถูกตำรวจชุดแรกเรียกเข้าห้องสอบสวน แล้วและทางตำรวจชุดแรกนั้นสามารถสืบจนทราบแล้วว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุนั้น มีทั้งหมด 7 คน มีใครบ้าง และบอกให้แม่รอ จะให้ทางโรงเรียนตามเด็กกลุ่มที่ก่อเหตุมา ตามขั้นตอนต่อไป จากนั้นคดีก็เงียบหายไป ซึ่งต่อมา ดร.บุ๋ม ปนัดดา ได้แจ้งรายงาน ทาง สภ.แก่งคอย ว่า มีคดีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่ ผอ.ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะกลัวว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียง และทาง ผอ.ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้ปกครองเด็กที่เสียหาย ได้มีการเข้าเจรจากับโรงเรียน และกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งตามรายงานของ สภ.แก่งคอยที่แจ้งท่าน ผบ.ตร. นั้น บอกว่า คดีดังกล่าวแม่เด็กยังไม่ได้มีการแจ้งความ ซึ่งจะเร่งติดตามผู้ปกครองและเด็กมาชี้แจงขั้นตอนในการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งทีม ดร.บุ๋ม ปนัดดา ได้สอบถามกับแม่เด็กว่าเป็นไปตามรายงานของ สภ.แก่งคอย จริงหรือไม่ แม่เด็กผู้เสียหายแจ้งว่า ไม่เคยมีการเจรจาหรือพูดคุยใดๆ ทั้งกับ ผอ. และฝ่ายผู้ก่อเหตุ และได้เข้าแจ้งความพร้อมกับครู ที่ถูกแอบอ้างแล้วจริงเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 66 ซึ่งได้ใบบันทึกแจ้งความกลับมาด้วย ซึ่งพอวันนี้ตำรวจกับมาบอกแม่ ครั้งแรกมันเป็นเพียงลงบันทึกประจำวันไว้เฉยๆ แม่ไม่ได้แจ้งดำเนินคดี ซึ่งแม่ก็ งง เพราะตั้งแต่วันที่แจ้ง แม่ถูกเรียกเข้าห้องสอบ จนตำรวจชุดที่สอบได้แจ้งตั้งแต่แรกว่าพบผู้ก่อเหตุเป็นเด็ก 7 คน ทำไมวันนี้ถึงบอกว่าแม่ยังไม่แจ้งความ
ต่อมาทางครูที่มาด้วย 2 คน ก็ได้พูดมาว่า มันเป็นเพียงอวตาร ไม่สามารถตามตัวได้ ยังไม่สามารถ ระบุได้ ว่าเด็กกลุ่มดังกล่าวก่อเหตุจริง
จากนั้นทางชายที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจได้บอกว่า แม่ต้องรอหน่อยนะต้องใช้เวลาในการหาตัวคนก่อเหตุ วันจันทร์แม่เดินทางไปพบผมที่ สภ.แก่งคอย นะ เดี๋ยวผมจะให้ค่าน้ำมัน 2,000 บาท แต่แม่ต้องไปคนเดียวนะ ห้ามบอกใคร ย้ำว่าห้ามบอกใครแม้แต่คนในครอบครัว แต่แม่ก็ไม่ได้รับปากใดๆ ก่อนกลับ ชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจ ได้บอกว่าเดี๋ยวแม่แอดไลน์ผม แล้วส่งข้อมูลทั้งหมดที่แม่มีมาให้ผมดูใหม่ทั้งหมดนะ ซึ่งแม่ก็แปลกใจ เพราะได้ให้ตำรวจไปทุกอย่างแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางไปแจ้งความพร้อมกับครูคนที่ถูกอ้างตัวมาก่อเหตุ ทำไมถึงมาขอใหม่ทั้งหมด ซึ่งแม่ยังไม่กล้าส่งอะไรให้ ได้เพียงแอดไลน์มาเท่านั้น และรอปรึกษากับทีมงานของพี่บุ๋ม ปนัดดา เพียงเท่านั้นก่อนจะดำเนินการใดๆ.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: