“สาทิตย์” ลั่น “ชวน” ไม่โดดเดี่ยว ปลุกสมาชิกพรรคปชป. ทวงถามปม 16 ส.ส.ดิ้นโหวตหนุน “เศรษฐา” แค่วาทะกรรม เพื่อชาติได้ไปต่อ เพราะโหวตเติมให้ทั้งที่เสียงล้นแล้ว หวั่น วิกฤตพรรคแตก ซ้ำรอยเหตุการณ์ “10 มกราฯ”
.
ตรัง-“สาทิตย์” ลั่น “ชวน” ไม่โดดเดี่ยว ปลุกสมาชิกพรรคปชป. ออกทวงถาม ปม 16 ส.ส.ดิ้นโหวตหนุน “เศรษฐา” หวังร่วมรบ.หรือไม่ วาทะกรรม “คนรุ่นใหม่” ไม่มีจริง เพราะ 2 ฝ่าย ผสมส.ส.ทุกรุ่น ถามกลับ อ้างชาติได้ไปต่อจริงหรือ เพราะโหวตเติมให้อีก ทั้งที่เสียงส.ว.หนุนจนล้นแล้ว หวั่น วิกฤตพรรคแตก ซ้ำรอยเหตุการณ์ “10 มกราฯ”
.
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่จ.ตรัง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตส.ส.ตรังหลายสมัย พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เปิดบ้านให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กรณีความขัดแย้งภายในพรรคปปช. ระหว่างกลุ่มส.ส.ที่โหวตสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี กับ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคปชป. ที่ออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยในขณะนี้ ว่า มันเป็นปรากฏการณ์ของความวิกฤตของคนในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก่อตั้งมา 77 ปี โดยเฉพาะความเป็นพรรคในเรื่องของสถาบันที่มีวินัย โดยเฉพาะในหมู่ส.ส.ของพรรคซึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติ มีข้อบังคับของพรรคชัดเจน และเราก็ยึดถือแนวทางปฏิบัตินั้นตลอดมา จะได้เห็นว่าตลอด 77 ปี ไม่เคยมีเลยที่พรรคได้มีมติไปแล้ว แต่กลับมีส.ส.โหวตสวนมติพรรคในสภาฯ แต่ครั้งนี้ เสียงส.ส.กว่า 80% สวนมติพรรคที่ส.ส.ในกลุ่มตัวเองโดยน.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรังในฐานะโฆษกที่ประชุมส.ส.ออกมาแถลงชัดเจน แต่ก็กลับโหวตสวนมติพรรคไปสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งมาจากพรรคคู่แข่งคือพรรคเพื่อไทยให้เป็นนายกฯ ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้เชื่อว่าหัวหน้าพรรคจะดำเนินการตามข้อบังคับ ให้มีการตั้งกรรมการสอบเรื่องที่เกิดขึ้นโดยละเอียดเพื่อชี้แจงต่อสาธารณะ ตั้งแต่สาเหตุที่โหวตสนับสนุน ที่มาที่ไป รวมทั้งกระแสข่าวว่ามีดีลลับ และการเดินทางไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯของแกนนำกลุ่ม 16 ส.ส. ที่ฮ่องกง รวมทั้งในวันโหวต ทำไมต้องรวมกลุ่มออกไปนอกที่ประชุมสภาฯ ไปคุยอะไร ตกลงอะไร รอดูสถานการณ์บางอย่าง อย่างไรหรือไม่ แล้วกลับมาแจ้งชื่อโหวต ซึ่งสมาชิกพรรคปชป.ทั่วประเทศรอฟังผลสอบ และมีความไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า สุดท้ายเมื่อวันที่ 24 ส.ค. กลุ่ม 16 ส.ส.ก็เพิ่มจำนวนเป็น 20 ส.ส. และนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา ในฐานะแกนนำกลุ่มก็แถลงข่าว ซึ่งตนและสมาชิกพรรคอีกจำนวนมากฟังแล้วก็ไม่สบายใจ มีการกล่าวอ้างวาทะกรรมว่าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทำเพื่อประเทศได้ไปต่อ ขอถามกลับว่า ในกลุ่มของนายเดชอิศม์ก็มีทั้งส.ส.ใหม่ ทั้งสมัยแรก และอดีตส.ส.หลายสมัยที่เป็นคนรุ่นก่า ขณะที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการไปร่วมรัฐบาลด้วยการโหวตสนับสนุนนายเศรษฐา ที่นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาปชป. และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ปรึกษาพรรค ซึ่งถือเป็นคนที่อยู่กับพรรค มีคุณูปการต่อพรรคมายาวนาน ก็ไม่ได้มีแต่คนรุ่นเก่า เพราะยังมีส.ส.รุ่นใหม่ที่ไม่เห็นด้วยกับการไปร่วมรัฐบาล และเห็นว่าปชป.ควรเตรียมตัวทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างมีคุณภาพ ทบทวนตัวเอง ฟื้นฟูพรรค เพื่อเรียกความศรัทธาประชาชนกลับมา รวมทั้งสมาชิกพรรคทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ แม้เขาจะไม่ได้มีตำแหน่งส.ส. แต่ก็เป็นเจ้าของพรรค และไม่เห็นด้วย ดังนั้นการแบ่งแยกว่า รุ่นเก่ารุ่นใหม่ จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริง
.
“ตลอด 77 ปีที่ผ่านมา ปชป.เป็นพรรคของทุกคน ไม่เคยมีใครเป็นเจ้าของมาก่อน ไม่เคยเป็นของกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด แต่มายุคนี้กลับมีการกางมุ้ง ตั้งกลุ่ม ถ้าเพื่อประโยชน์ของพรรคและส่วนรวมไม่เป็นไร แต่ทุกวันนี้ที่อ้างว่าต้องโหวตสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ประเทศได้ไปต่อ ฟังไม่ขึ้น ถ้าจะทำเพื่อประเทศได้ไปต่อ ทางการเมืองจะเป็นการโหวตกรณีปริ่มน้ำเพื่อเติมเสียงให้สามารถตั้งรัฐบาลได้ แต่กลุ่ม 16 ส.ส.นั้นไปโหวตตอนที่เขามีเสียงท่วมท้นแล้ว เพราะได้เสียงจากส.ว.มาสนับสนุนด้วยเป็นจำนวนมาก แล้วกลุ่ม 16 ส.ส.ยังไปเพิ่มให้อีก แบบนี้หมายความว่าอย่างไร มีเจตนาอย่างไร ตรงนี้ต้องมีการชี้แจงต่อทั้งสมาชิกพรรคและต่อสาธารณะ เพราะกระทบชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของพรรคมาก ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
นายสาทิตย์กล่าวว่า สำหรับวาทะกรรมที่บอกว่า ไม่ขอรับมรดกความโกรธแค้นจากคนรุ่นเก่า ก็ไม่ใช่ เพราะทั้ง 2 ฝ่าย มีคนทุกรุ่นอยู่ในนั้น คำถามจากสังคมตอนนี้คือ เป็นการกระทำเพื่อให้ประเทศได้ไปต่อ หรือ มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนส่วนตนหรือไม่ ต้องชี้แจงออกมาให้ได้ สิ่งที่ตนและหลายๆ คนเสียใจ คือ เราไม่เคยมีใครกางมุ้งนับจำนวนพวกว่าใครมี ส.ส. มากกว่ากัน หรือใครกันแน่จะขับใครออกจากพรรค เพราะเราอยู่กันแบบพี่น้อง เห็นต่างก็รับฟังกัน และเคารพมติข้อบังคับพรรค ที่สำคัญคือการยึดมั่นในอุดมการณ์ความเป็นสถาบันทางการเมืองที่ส่อต่อกันมายาวนานถึง 77 ปี
.
นายสาทิตย์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการออกมาแสดงจุดยืนของนายชวน จะไม่โดดเดี่ยว เพราะเรื่องนี้กรณีที่เกิดขึ้นกระทบจิตใจของคนปชป. สมาชิกพรรค และขอเรียกร้องให้สมาชิกพรรค และใครก็ตาม ได้ออกมาเรียกร้องทวงถามคำชี้แจงจากกลุ่มส.ส.เหล่านั้น และต้องชี้แจงให้ได้ ยอมรับว่าถือเป็นความขัดแย้งแตกแยกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพรรค และหวั่นว่า อาจเป็นก้าวแรกสู่ความแตกแยกเหมือนกรณี 10 มกราฯ ในอดีต ที่ 2 ฝ่ายซึ่งเห็นไม่ตรงกัน ต้องออกจากพรรคไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่สุดท้ายก็ไปไม่ได้ พังกันทั้ง 2 พรรค หลังจากนั้นเราต้องใช้เวลาและสรรพกำลังยาวนานมากกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้ อยากให้มองต้นทุนของปชป. ว่าสั่งสมมายาวนาน แม้เราจะเป็นฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้นและมีความน่าเชื่อถือ ล้วนเป็นสิ่งที่นายชวนได้ให้เหตุผลไว้ต่อที่ประชุมส.ส.ก่อนการโหวต ว่าปชป.ต่อสู้ตรวจสอบมาตั้งแต่รัฐบาลพรรคไทยรักไทย มีการอภิปรายในสภา มีการยื่นตรวจสอบไปยังองค์กรอิสระ เกิดเป็นคดีทุจริต ศาลพิพากษาจำคุกและมีการยึดทรัย์นายทักษิณ แกนนำไทยรักไทย ตลอดจนพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย มาโดยตลอด สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนที่ปชป.สั่งสมไว้ ดังนั้นปรากฏการณ์ในวันนี้ จึงกระทบต่อพรรคมาก ว่าเราถึงขนาดจะไปเป็นอะไหล่ให้พรรคเพื่อไทย ทั้งๆ ที่เสียงส.ส.ของเขาเพียงพอแล้ว ได้เสียงเกินอยู่แล้ว มันสะท้อนเจตนาอะไร
นายสาทิตย์กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ปชป.ต้องทำในวันนี้ คือเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านให้ได้ใจประชาชน เร่งด่วนที่สุดคือหน้าที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่กำลังจะเกิดขึ้น เราต้องตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ความเหมาะสม ในตำแหน่งสำคัญๆ เพราะเกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การอ้างว่าแม้จะโหวตให้นายเศรษฐา แต่จะกลับมาเป็นฝ่ายค้านก็ได้นั้น จะเป็นไปได้อย่างไร แล้วจะไปตรวจสอบเขาได้อย่างไรในเมื่อตัวเองโหวตให้เขาเป็นนายกฯ ทุกเหตุผลที่กลุ่ม 16 ส.ส. พยายามอธิบายต่อสังคมในเวลานี้ มันย้อนแย้งไปหมด
…..
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: