กระบี่ สืบกระบี่ ตามรวบมือยิงเพื่อนหมกสวนปาล์ม หลังหนีกบดานประเทศเพื่อนบ้านนาน 4 เดือนเศษ
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ (27 ส.ค.) ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จ.กระบี่ นำโดย พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สส.ภ.จ.กระบี่ พ.ต.ท.วิทยา ทองคง พ.ต.ท.อาวุธ ขำแผลง รอง ผกก.สส.ภ.จ.กระบี่ นำกำลังชุดสืบสวน ภ.จ.กระบี่ ชุดสืบสวน ภ.จ.พังงา พร้อมหมายจับศาล จ.กระบี่ ที่ 185/2566 ลงวันที่ 22 เม.ย.66 ในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต บุกเข้าจับกุมตัวนายอนุวัตร หรือขุย เพชรอ่อน อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 181/19 หมู่ 11 ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
โดยเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ขณะไปหลบซ่อนตัวที่บ้านญาติในหมู่บ้านย่านสะบ้า หมู่ 13 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พร้อมแสดงหมายจับ และอ่านข้อกล่าวหาให้ทราบ ผู้ต้องหายอมรับสารภาพเป็นบุคคลตามหมายจับ และร่วมกันก่อเหตุยิงนายศุภวัสส์ ชูช่วย หรือปืน อายุ 24 ปี เสียชีวิตภายในสวนปาล์มหมู่ 13 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ โดยทิ้งศพไว้ในสวนปาล์ม แล้วใช้ทางปาล์มปิดบังซ่อนศพไว้ ก่อนจะหลบหนี จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่
พ.ต.อ.สมศักดิ์ เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ รับแจ้งมีคนพบศพ นายศุภวัสส์ ชูช่วย หรือปืน อายุ 24 ปี ถูกยิงเป็นศพอยู่ภายในสวนปาล์ม มีบาดแผลถูกยิงเข้าตามลำตัว แขน รวม 6 นัด ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนเข้าสืบสวนสอบสวนจนทราบว่า คนก่อเหตุในคดีนี้มีด้วยกัน 2 คน คือ นายธีรภัทร หรือ ลิฟ หมั่นดี อายุ 23 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะหลบหนีไปที่ จ.เชียงใหม่ เป็นคนนัด และไปร้บผู้ตายออกมาจากบ้านที่หมู่ 6 ต.กระบี่น้อย ก่อนพามาเจอนายอนุวัตร ในสวนปาล์มเกิดเหตุแล้วถูกยิงตายดังกล่าว โดยนายอนุวัตร เป็นคนลงมือยิง ก่อนจะช่วยกันซ่อนศพไว้ในสวนปาล์ม แล้วแยกกันหลบหนี
ต่อมาตำรวจจึงขออนุมัติศาลออกหมายจับ โดยนายอนุวัตร หนีไปซ่อนตัวกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้าน นานกว่า 4 เดือน กระทั่งเมื่อ 2 วันก่อน ชุดสืบสวนได้เบาะแสว่านายอนุวัตร กลับเข้ามาในประเทศ และไปหลบซ่อนตัวที่บ้านญาติใน จ.พังงา จึงติดตามไปจนเจอตัว และจับกุมได้ดังกล่าว
เบื้องต้นในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาสารภาพว่า เป็นคนลงมือยิงจริง โดยก่อนเกิดเหตุ ทั้ง 3 คน นัดกันไปเสพยาบ้ากันในสวนปาล์มที่เกิดเหตุ พอเสพยาจนได้ที่ ก็มีการพูดคุยกันจนเกิดมีปากเสียงกันระหว่างผู้ตายกับนายอนุวัตร โดยนายอนุวัตร หลอนและคิดไปเองว่าผู้ตาย เคยไปแจ้งให้ตำรวจมาตามจับตัวเอง แต่ผู้ตายเถียงว่าไม่จริง พอมีปากเสียงกันก็เกิดการท้าทายกันว่าจะฆ่ากัน โดยผู้ตายพูดท้าทายว่านายอนุวัตร ไม่กล้ายิง จึงลงมือก่อเหตุขึ้นดังกล่าว อย่างไรก็ตามต้องรอสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
