กรุงเทพฯ – ปลัด กทม.จ่อสั่งพักราชการ พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายช่างโยธาอาวุโส เขตลาดกระบัง เรียกรับเงิน แลกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารใน 2 ความผิด
วันที่ 6 กันยายน 2566 พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร แถลงขั้นตอนการดำเนินการกรณี นายวิโรจน์ อิริยะโพธิ์งาม อายุ 59 ปี นายช่างโยธาอาวุโส เขตลาดกระบัง ถูกจับกุม ขณะรับสินบน 5 หมื่นบาท แลกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ในความผิดตามมาตรา 149 เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และมาตรา 157 ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา ว่า
ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้ลงนามแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง คำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 2748/2566 ลงวันที่ 5 ก.ย.66 และมีคำสั่งให้ช่วยราชการ คือ คำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 2749/2566 ให้ข้าราชการรายดังกล่าวไปช่วยราชการที่ กองแผนงานและประสานสาธารณูปโภค สำนักการโยธา ซึ่งเป็นกองที่ไม่ต้องติดต่อใกล้ชิดกับประชาชน โดยให้ไปช่วยราชการในทันที
ในวันนี้ ปลัด กทม.จะลงนามในคำสั่งพักราชการด้วย ตามกฎ ก.ก. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2565 ข้อ 85 ซึ่งการพักราชการนี้จะมีกำหนดไม่เกิน 120 วัน หากจะต่ออีก จะได้ไม่เกินอีก 60 วันต่อครั้ง
พล.ต.อ.อดิศร์ ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ ได้ติดตามมาแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพียงแต่พยานหลักฐานยังไม่ชัดเจน โดยได้ประสานกับ ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) อยู่ตลอด ซึ่งหัวหน้าฝ่ายโยธาจะต้องทราบขั้นตอนในการให้บริการประชาชน ระยะเวลาตั้งแต่เดือน พ.ย.65 จนถึงปัจจุบัน ทำไมถึงใช้เวลานาน ขั้นตอนต่าง ๆ ที่ประชาชนทำแล้วไม่ครบถ้วนได้มีการแนะนำอย่างไร
กระบวนการเหล่านี้ควรจะต้องมีการบันทึกเป็นเอกสารหลักฐาน เพื่อให้สามารถตรวจสอบเส้นทางการเดินเรื่องและขั้นตอนต่าง ๆ ได้ และจะได้ทราบว่ากระบวนการไปช้าที่ส่วนใดและด้วยเหตุใด หากช้าเพราะเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการทางวินัย หรือหากช้าเพราะมีการเรียกรับผลประโยชน์ก็ดำเนินคดีอาญา สิ่งเหล่านี้ ผู้บังคับบัญชาระดับผู้อำนวยการเขตต้องเข้ามาสอดส่องดูแล ต่อไป อยากให้มีระบบในการตรวจสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้ช่องทางการเรียกรับผลประโยชน์จะลดน้อยลง
ทั้งนี้ หากประชาชนถูกเจ้าหน้าที่เรียกรับสินบน สามารถแจ้ง กทม.ได้ที่ระบบ Traffy Fondue ซึ่งเป็นระบบปิดและจะมีหน่วยงานรับเรื่องทุจริตไปดำเนินการโดยเฉพาะ อย่ากลัวที่จะให้ข้อมูลเรื่องชื่อและเบอร์โทรศัพท์ เนื่องจากจะต้องมีการติดต่อกลับ
และอีกช่องทางหนึ่ง คือ สายด่วน 1555 ซึ่งปัจจุบันจ้าง outsource รับเรื่อง จะหารือกับผู้บริหารอีกครั้ง ในการหาแนวทางที่จะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนที่จะแจ้งเรื่องเข้ามา ปรับปรุงช่องว่างที่ทำให้เกิดความไม่สะดวกใจในการแจ้งข่
ก.พ.-ส.ค.66 มีเรื่องเรียน 206 เรื่อง โยธาหนักสุด
ข้อมูลจาก ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) มีเรื่องร้องเรียนตั้งแต่ ก.พ.-ส.ค.66 ทั้งสิ้น 206 เรื่อง จำแนกตามสายงาน เป็น
สายงานโยธา 40 เรื่อง โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์ 12 เรื่อง จาก 10 เขต เรื่องเกี่ยวกับการก่อสร้าง/รื้อถอนอาคาร แต่หน่วยงานดำเนินการล่าช้า ปล่อยปละละเลย/ไม่ดูแลที่สาธารณะ งานบริหารบุคคล/แต่งตั้งโยกย้าย/ไม่ได้บรรจุ การนำทรัพย์สินของทางราชการไปใช้ส่วนตัว และกรณีอื่น ๆ เช่น ปรับปรุงพื้นถนน/ทางลอดอุโมงค์ล่าช้า ป้ายขนาดใหญ่ยื่นนอกออกคาร ฯลฯ
จากเรื่องร้องเรียนทั้ง 206 เรื่อง แบ่งการรับแจ้งจากช่องทาง Traffy Fondue จำนวน 174 เรื่อง คิดเป็น 84.47% ช่องทางผู้บริหารกรุงเทพมหานคร 31 เรื่อง คิดเป็น 15.05% และทางอีเมล 1 เรื่อง คิดเป็น 0.49%
จำแนกตามสายงาน 3 อันดับแรก ได้แก่ โยธา 40 เรื่อง เทศกิจ 39 เรื่อง และรักษาความสะอาด 36 เรื่อง
