กรุงเทพฯ – สภากรุงเทพมหานคร เห็นชอบงบประมาณ ปี 2567 กว่า 90,570 ล้านบาท โดยสำนักการโยธา ได้งบฯ มากสุด กว่า 10,199 ล้านบาท ส่วนสำนักงานเขต เขตลาดกระบังได้มากสุด กว่า 774 ล้านบาท เขตสัมพันธวงศ์ได้น้อยสุด กว่า 237 ล้านบาท พร้อมตัดงบฯ โครงการปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่น
วันที่ 5 กันยายน 2566 นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2566 โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา กทม.2 (ดินแดง)
ในที่ประชุม นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญฯ รายละเอียดการปรับลด รวมถึงข้อสังเกตทั่วไป และข้อสังเกตเฉพาะหน่วยงาน ซึ่งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ได้ตั้งเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 90,570 ล้าน 138,630 บาท
“งบประมาณที่ผ่านคณะกรรมการวิสามัญฯ ในครั้งนี้มีมากกว่า 90,000 ล้านบาท กรรมการได้พิจารณาโดยยึดหลักความคุ้มค่า เป็นประโยชน์กับประชาชน รวมถึงสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน ขอบคุณกรรมการและอนุกรรมที่ได้ร่วมกันกลั่นกรองงบประมาณในครั้งนี้ และขอบคุณหัวหน้าหน่วยงานที่ได้ร่วมชี้แจงรายละเอียดและตอบข้อซักถามของคณะกรรมการ ขอบคุณฝ่ายเลขานุการ สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร และสำนักงบประมาณที่ได้ร่วมปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเท เสียสละมาต่อเนื่อง 45 วัน ทำให้กรุงเทพมหานครได้มีงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ” นายสุทธิชัย ระบุ
โดยเรียงลำดับหน่วยงาน/เขต ที่ได้รับงบประมาณสูงสุดและน้อยสุด ดังนี้
หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ สำนักการโยธา จำนวน 10,199 ล้าน 547,439 บาท สำนักการระบายน้ำ 7,860 ล้าน 495,076 บาท และสำนักสิ่งแวดล้อม 7,673 ล้าน 180,800 บาท
หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณน้อยที่สุด 3 ลำดับ คือ สำนักงานเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 71 ล้าน 184,800 บาท สำนักงบประมาณ 85 ล้าน 596,510 บาท และสำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร 189 ล้าน 471,700 บาท
สำนักงานเขตที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ สำนักงานเขตลาดกระบัง 774 ล้าน 356,920 บาท สำนักงานเขตหนองจอก 754 ล้าน 150,533 บาท และสำนักงานเขตจตุจักร 701 ล้าน 898,570 บาท
สำนักงานเขตที่ได้รับงบประมาณน้อยที่สุด 3 ลำดับ คือ สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ 237 ล้าน 412,410 บาท สำนักงานเขตบางรัก 251 ล้าน 616,775 บาท และสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 275 ล้าน 383,900 บาท
เห็นชอบปรับลดงบ ‘โครงการปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่น’ เพิ่มเติม
โครงการที่คณะกรรมการวิสามัญฯ ขอสงวนความเห็นไว้ เพื่อขอให้สภากรุงเทพมหานครวินิจฉัย ได้แก่ โครงการการปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่นชั้นอนุบาล 6 กลุ่มเขต โดยขอให้ตัด เนื่องจากไม่คุ้มค่ากับงบประมาณ การเขียนโครงการต้องสอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าฯ กทม.เรื่องเส้นเลือดฝอย และขาดรายละเอียด ฯลฯ
ทั้งนี้ ที่ประชุมสภา กทม.มีมติเห็นชอบกับผู้สงวนความเห็น ให้ตัดงบประมาณของสำนักการศึกษา ในโครงการดังกล่าว วงเงิน 219 ล้าน 339,000 บาท
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงในที่ประชุมว่า เรื่องนี้อยู่ในนโยบายการจัดพื้นที่ปลอดฝุ่นให้กลุ่มเปราะบาง อายุ 1-6 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงอายุที่สมองจะสามารถพัฒนาได้ดีที่สุด หลายครั้งเราละเลยเด็กกลุ่มนี้ ประกอบกับการสอนให้เด็กเล็กใส่หน้ากากทำได้ยาก จึงเกิดแนวคิดทำเรื่องห้องเรียนปลอดฝุ่น หลายครั้งที่ได้ไปเยี่ยมโรงเรียนและเห็นว่า เด็กอยู่ในห้องเรียนที่ร้อน ห้องของเด็กที่เป็นอนาคตของชาติ การลงทุนงบประมาณกับเด็กถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่า อนาคตต้องมีการติดโซล่าเซลล์ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเด็กรวยหรือเด็กจนควรได้รับโอกาสในการเรียนในห้องเรียนปรับอากาศ
วอนจัดสรรงบฯ แก้ไขปัญหาไข้เลือดออก ลดความสูญเสีย
ส.ก.สุทธิชัย ระบุว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการและคณะกรรมการ ได้เชิญสำนักอนามัยชี้แจงเหตุผลความจำเป็นการของบประมาณปีนี้ ซึ่งได้ของบฯ ภาพรวมมา 2,642 ล้านบาท และกองควบคุมโรคขอจำนวนน้อยมาก ขณะที่ปัจจุบัน พบประชาชนป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกจำนวนมาก ในปีนี้ มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 5,000 คน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน การของบฯ น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการดูแลประชาชนในชุมชนที่มีอยู่ใน กทม.กว่า 2,000 ชุมชน เมื่อเสนองบแปรญัตติเพื่อจัดซื้อนวัตกรรมกำจัดลูกน้ำยุงลายเข้ามา แต่ยังไม่มีดำเนินการ อีกทั้งงบฯ ที่ขอแปรญัตติกลับไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน อะไรที่เห็นว่าเป็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชน กทม.ควรจะเร่งทำ
จากนั้นที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครได้มีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งจะได้จัดส่งให้ฝ่ายบริหารดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ จะใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
