เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 8 กันยายน 2566 ที่แขวงโรงงานอุตรดิตถ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นายศราวุธ พันธุ์แตงไทย รักษาการสราวัตรแขวงโรงงานอุตรดิตถ์ พร้อม จนท.ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบความเสียหายพร้อมประสานทีมช่างเข้าดำเนินการเคลียร์พื้นที่ หลังรับแจ้งต้นโพธิ์ยักษ์ หนึ่งเดียวกลางใจเมืองอุตรดิตถ์ และถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ที่ประชาชน นักท่องเที่ยว แวะเวียนมาเก็บภาพ ได้โค่นทับตู้รถไฟเก่าแก่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 มีเพียง 1 เดียวภาคเหนือ และปัจจุบันเหลือเพียง 3 คันในประเทศไทย
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในพื้นที่ของแขวงโรงงานอุตรดิตถ์ ของ รฟท. ตั้งอยู่เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ กลางเมืองอุตดดิตถ์ ซึ่งปัจจุบันภาคเอกชนได้เช่าเพื่อเปิดร้านกาแฟ ช่วงเวลา 07.30 น.วันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา ขณะที่พนักงานร้านกาแฟเริ่มเปิดให้บริการลูกค้า และฝนยังคงตก ได้เกิดเสียงดังส่วนของหลังคาร้าน พบว่าต้นโพธิ์ที่อยู่บริเวณหน้าร้านโค่น กิ่งได้แทงทะลุหลังคา ทั้งตัวร้าน และ ห้องประชุมซึ่งได้ปรับปรุงมาจากตู้รถไฟเสียหาย ขณะที่พนักงานและลูกค้าต่างรีบวิ่งออกจากร้าน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
นายศราวุธ กล่าวว่า ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่รูปทรงสวยงาม นับเป็นสัญลักษณ์ หรือแลนมาร์ค ที่ประชาชนชื่นชอบมาถ่ายภาพ ทั้งนี้ รฟท.ได้สร้างโรงงานแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2506 หรือ 60 ปี แต่ต้นโพธิ์มีมาก่อนแล้ว ถือว่าอยู่คู่รถไฟสายเหลือ อายุนับ 100 ปีได้ ได้อนุรักษ์ไว้อยู่คู่กับตู้รถไฟซึ่งเป็นตู้ลากสินค้าสร้างสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นรถที่ใช้ขนาดความกว้างของทาง 1.435 เมตร และปัจจุบันใช้ 1 เมตร เหลือเพียง 3 คันในประเทศไทย สำหรับตู้หรือคันที่อยู่ในโรงงานอุตรดิตถ์ เป็น 1 เดียวของภาคเหนือ เป็นรถตู้ลากสินค้าที่สร้างจากไม้ ทำให้ผุพังตามกาลเวลา จึงได้มีการปรับปรุงเป็นห้องรับรอง ห้องประชุมในส่วนของร้านกาแฟ
ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลทำให้ต้นโพธิ์ยักษ์อุ้มน้ำมากจนรับน้ำหนักไม่ไหวทำให้ส่วนรากยึดดินไม่ได้ โค่นลงมาทับร้านกาแฟ และ ตู้ลากสินค้าเก่าแก่ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นภาคเอกชนที่เข้ามาเช่าพื้นที่จะดำเนินการรับผิดชอบ ปรับปรุงใหม่ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเพราะช่วงเกิดเหตุมีพนักงานและลูกค้าอยู่ในร้านกาแฟด้วย ทั้งนี้ประชาชนที่ทราบว่าต้นโพธิ์ยักษ์โค่นแล้ว ต่างรู้สึกเสียดาย ช่วงรอทีมเคลียร์พื้นที่ และ รื้อถอนต้นโพธิ์ ได้ขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วย
