กรุงเทพฯ – รัฐมนตรีเกษตรฯ มอบนโยบาย ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลให้เป็นผลสำเร็จ เกษตรกรต้องกินดีอยู่ดี ครอบครัวกระทรวงเกษตรต้องทำงานเข้มแข็ง พร้อมแก้ปัญหา ช่วยเหลือ และพัฒนา เดินหน้ายกระดับมิสเตอร์สินค้าเกษตรในทุกชนิด สร้าง 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง
วันที่ 13 กันยายน 2566 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการทั้งสอง คือ นายไชยา พรหมา และนายอนุชา นาคาศัย มอบนโยบายขับเคลื่อนงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แก่ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะผู้บริหารระดับสูงทุกหน่วยงานในสังกัด
โดยมีการประชุมผ่านระบบทางไกลออนไลน์ด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ และทุกหน่วยงาน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และต่างประเทศ รวมกว่า 7,300 คน รับนโยบายอย่างทั่วถึง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ให้นโยบายและงานหลักสำคัญ ประกอบด้วย การขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการเกษตร ที่นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา นำไปสู่การปฏิบัติให้เป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายและงานสำคัญที่จะเร่งผลักดันดำเนินการ ดังนี้
เน้นการสร้างวิธีการทำงานสู่การปฏิบัติ ได้แก่
1.การจัดตั้งศูนย์บริการประชาชนภาคการเกษตร โดยเป็นศูนย์บริการร่วม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และพี่น้องเกษตรกร เพื่อให้สามารถติดต่อสอบถาม ขอทราบข้อมูล และรับเรื่องร้องเรียน คลายทุกข์ให้แก่พี่น้องเกษตรกร ณ ศูนย์บริการร่วมเพียงแห่งเดียว
2.สร้างครอบครัวเกษตร บูรณาการงานเข้มแข็งเน้นการทำงานของทุกคนทุกหน่วยงาน ต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ก ให้มีศักยภาพ เพื่อการทำงานระบบทีมมีประสิทธิภาพ มุ่งมั่น ร่วมแรงร่วมใจบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ
3.ขับเคลื่อนภารกิจ ยกระดับ มิสเตอร์สินค้าเกษตร โดยฟื้นฟู ยกระดับ การทำงานของมิสเตอร์สินค้าเกษตร สินค้าเกษตรทุกชนิดต้องมีผู้รับผิดชอบ เน้นทำงานเชิงรุก สร้างกลไกการทำงานร่วมกันในทุกสินค้า แก้ปัญหาถูกจุด ทั้งด้านสินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ การลักลอบนำเข้าแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง
♦ การรับมือภัยธรรมชาติ จะต้องวางแผนมาตรการต่าง ๆ อย่างชัดเจน รับมือตั้งแต่การป้องกัน การแก้ไข และการฟื้นฟู เมื่อประสบเหตุภัยแล้ง หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติทุกชนิด
♦ การปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย โดยถือเป็นการประกาศสงครามสินค้าเกษตรเถื่อนอย่างจริงจัง เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาผลผลิตในประเทศ เข้มงวดในการตรวจสอบสต็อกในประเทศเพื่อควบคุมในการนำเข้า การกักตุน และเก็งกำไร โดยเฉพาะช่วงก่อนที่ผลผลิตออกสู่ตลาด
ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวถึง ♦ การยกระดับสินค้าเกษตร เสริมศักยภาพเกษตรกร ได้แก่
1.ผลักดันส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรสร้าง 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง
2.ส่งเสริมเกษตรกร/สถาบันเกษตรกร เป็นผู้ให้บริการทางการเกษตรครบวงจร สามารถเป็นเจ้าของเครื่องมือเครื่องจักรกลของตนเอง พร้อมเป็นผู้ให้บริการด้านธุรกิจเกษตร ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มประชากรภาคเกษตรยุคใหม่
♦ การจัดการทรัพยากรทางการเกษตร ทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Go Green) ด้วย BCG / Carbon Credit จะต้องทำการเกษตรที่ลดภาระต่อสิ่งแวดล้อม เกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม การกำจัดแมลงศัตรูพืชที่ถูกต้อง การลดปริมาณปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง มีการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัย
♦ การอำนวยความสะดวกด้านการเกษตร ได้แก่
1.พัฒนาระบบการประกันภัยภาคการเกษตร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในนโยบายสำคัญของการพัฒนาภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน บริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่แน่นอน โดยจะเดินหน้าต่อยอด พัฒนาสร้างระบบประกันภัยให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย
2.อำนวยความสะดวก สนับสนุนให้บริการเครื่องมือทางการเกษตรที่ให้เกษตรกรสามารถเช่า/ยืม เครื่องมือเครื่องจักรกลด้านการเกษตรที่เหมาะสมต่อการการผลิต
ด้าน รมช.เกษตร ทั้งสอง ต่างระบุว่า นโยบายที่ รมว.เกษตรฯ มอบหมายนั้น ครอบคลุม สนองนโยบายรัฐบาลเพื่อเกษตรกร พร้อมให้ความมั่นใจว่า ถึงแม้จะมาจากต่างพรรคแต่มีเป้าหมายเดียวกัน ที่จะทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ มีเป้าหมายในการให้บริการประชาชน ให้ขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จ จะขับเคลื่อนพัฒนาภาคเกษตร ให้พี่น้องเกษตรกรมีชีวิคความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น
