สระแก้ว – ญาติเด็กเยาวชน 4 คนในพื้นที่ จ.สระแก้ว วอนหน่วยงานช่วยเหลือ หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงานฝั่งประเทศกัมพูชา ปัจจุบันถูกขายต่อส่งไปที่เมืองบาเวต ชายแดนเวียดนาม ถูกกักขังทำร้ายร่างกาย หากต้องการกลับบ้านญาติต้องนำเงินไปไถ่ตัวคนละ 80,000 บาท ญาติวอนหน่วยงานเข้าช่วยเหลือเร่งด่วน
เมื่อวันที่ 15 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนักในพื้นที่ชายแดน โดยมีเยาวชนในพื้นที่ จ.สระแก้ว และพื้นที่ใกล้เคียง ถูกชักชวนให้ไปทำงานฝั่งประเทศกัมพูชา โดยอ้างว่า มีรายได้ดี เดือนละไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 บาท ทำให้มีเยาวชนส่วนหนึ่งตกเป็นเหยื่อเพิ่มมากขึ้น ถูกนำเข้าสู่วงจรและเครือข่ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก ซึ่งกรณีล่าสุด นางจรัส ทองพร้าว อายุ 48 ปี ญาติของเยาวชนกลุ่มหนึ่ง ร้องเรียนขอความช่วยเหลือว่า มีเด็กเยาวชน 4 คน ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งปอยเปต เมื่อ 2 เดือนก่อน ปัจจุบันถูกส่งต่อไปที่พนมเปญ และขายต่อไปที่เมืองบาเวต ชายแดนกัมพูชาติดประเทศเวียดนาม ถูกกักขังและทำร้ายร่างกายทุกวัน โดยถูกยึดโทรศัพท์และเอกสารทั้งหมด พยายามติดต่อญาติเพื่อขอความช่วยเหลือมายังประเทศไทย พร้อมทั้งเรียกค่าไถ่ตัวคนละ 80,000 บาท หากต้องการเดินทางกลับ ทำให้ญาติเกิดความกลัวว่า ลูกหลานจะถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต จึงร้องเรียนไปยังสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ นางจรัสฯ บอกว่า เยาวชนที่ถูกหลอกไปทำงานครั้งนี้เป็นหลานของกำนันคนหนึ่งในพื้นที่ ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยตนมีศักดิ์เป็นป้า ซึ่งหลานพยายามติดต่อขอให้ช่วยเหลือ ทุกคนถูกยึดโทรศัพท์หมด ถูกขังและทุบตี หากทำงานไม่ได้ จึงได้นำโทรศัพท์ที่ซ่อนไว้ส่งข้อความและพิกัดปัจจุบันที่ถูกกักขังไว้ส่งมาให้ โดยมันบอกว่าถ้าต้องการกลับมาต้องนำเงินมาไถ่ตัวคนละ 8 หมื่นบาท ทางญาติรู้สึกเป็นห่วง จึงพร้อมด้วยกำนันฯ เดินทางนำข้อมูลของเด็กทั้ง 4 คน พร้อมพิกัดที่เด็กส่งมาให้ไปแจ้งติดต่อขอความช่วยเหลือที่ สน.ปทก. โดยมี ร.อ.ธนณัฎฐ์ ลิ้มเอกนันท์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงาน สำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 (สน.ปทก.) หน่วยประสานงานประจำพื้นที่ 3 (สระแก้ว) ตั้งอยู่ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้และรับปากจะช่วยประสานงานติดตามเด็กทั้ง 4 คนให้ ขณะนี้ผ่านไปประมาณเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว เด็กเยาวชนทั้ง 4 คน ยังถูกกักขังอยู่ที่จุดเดิม มีเด็กที่มีอาการป่วยไม่สบายด้วย
นอกจากจากนั้น จากการตรวจข้อมูลของเด็กเยาวชนที่ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ พบว่า เยาวชนทั้งหมดมีอายุระหว่าง 14-21 ปี มีรายชื่อของเด็กที่ถูกหลอก ประกอบด้วย 1.นายสันติ สงนอก อายุ 17 ปี ชาวอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว 2.นายวรภพ จันมา อายุ 21 ปี ที่อยู่ 6 หมู่ 2 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว 3.น.ส.เสาวลักษณ์ กรุงสูงเนิน อายุ 16 ปี ที่อยู่ 294 หมู่ 5 ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และ 4.ด.ญ.สิรินทรา เลื่อมพักตร์ อายุ 14 ปี ที่อยู่ 207 หมู่ 2 ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่พิกัด:11.077351,106.169822 35GC+R26, Krong Bavet, Krong Bavet, จังหวัด สวายเรียง กัมพูชา ปัจจุบันมีเยาวชนในพื้นที่ จ.สระแก้ว ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันประมาณ 200 คน บางคนถูกออกหมายจับโดยที่ไม่รู้ตัวด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
- ส่งตัว 3 ผู้ต้องหาฝากขัง คดีหนุ่ม 20 ปี ถูกยิงดับบริเวณคูกันช้าง อ้างปืนลั่น จ.สระแก้ว
- เอเย่นต์ยาบ้าร้องไห้โฮ หลังชุด ฉก.ปกครองบุกจับ ตรวจพบของกลางกลับโทษภรรยา ไม่ยอมซุกซ่อนยาเสพติดให้ดี จ.สระแก้ว
- ตรัง จากสวนปาล์มตรังสู่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรผสมผสานต้นแบบ ขุดสระน้ำเป็นรูปเลข 9 อารบิก สอดคล้องกับแนวคิดของในหลวงรัชกาลที่ 9
- กลุ่มผู้รับเหมาประกาศกฎเหล็กไม่ดำเนินงานต่อโครงการพลังงานสะอาด หาก UJV ไม่ชำระหนี้เก่าทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทย จนเกิดโศกนาฎกรรมฆ่ายกครัว 3 ศพที่ จ.สมุทรปราการ โดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและคณะทำงาน รอง ผบ.ตร.(สส.) พร้อมคณะ ได้เดินทางมาที่ จ.สระแก้ว เพื่อประชุมในการเร่งรัดติดตามผลการสืบสวนสอบสวน คดีสำคัญกรณีเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ได้ทำการหลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ ที่ห้องประชุมด่านศุลกากร ด่านถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว โดยได้ดำเนินสืบสวนสอบสวน บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ลงวันที่ 31 ส.ค.66 คือ น.ส.พิมพ์พิชชา เกวียนทอง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 ม.1 บ.โคคลาน ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งต้องหาว่า กระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ฯ ซึ่งชุดสืบสวนได้สืบสวนสอบสวนและจะดำเนินการขยายผลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ฝั่งกัมพูชา เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ปัจจุบันออกหมายจับแล้ว 30 หมาย ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ 11 คน และจับกุมเพิ่มอีก 5 คน ฝั่งกัมพูชาและไทย ทำให้ตอนนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหารวม 16 คน พร้อมเร่งรัดติดตามผลการสืบสวนคดีและปัญหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักในปัจจุบันด้วย
——————————-
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: